|
ดัชนี-6 / ดัชนี-ศัพท์เพาะกาย / ดัชนี-ศัพท์-เรียง-อักษร / ดัชนี-อักษร-H / High intensity intervals ( HIIT ) |
เป็นการทำคาร์ดิโอรูปแบบหนึ่ง ทีมีการ "เน้น" จังหวะ และการ "ผ่อน" จังหวะ
สลับกันไป ข้างล่างนี้ เป็นการนำเทคนิค HIIT มาใช้ในการลดไขมัน หรือลดความอ้วนนะครับ ลองอ่านดูครับ |
![]() |
ขั้นตอนการทำคาร์ดิโอเพื่อลดความอ้วน แบบอ้วนมาก
ที่ผมจะแนะนำนี้ จะเป็นการทำคาร์ดิโอแบบควบคู่ไปกับการเพาะกายนะครับ
โดยผมจะอธิบายภาพรวมทั้งหมดให้เข้าใจในคราวเดียวเลย
คือไม่แยกตอบเฉพาะการทำคาร์ดิโออย่างเดียว |
|
(ภาพบน) ลดความอ้วนแบบทำลายไขมันอย่างเดียว |
|
(ภาพบน)
ลดความอ้วนแบบสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆกัน |
ตอบ - การที่มุ่งแต่จะลดไขมันอย่างเดียว มันก็ทำได้ครับ
ผลที่ออกมาก็คือไขมันลดได้ดังใจคิด
แต่ผลข้างเคียงก็จะเหมือนในรูปข้างบนสุด คือเกิดโพรง
เกิดช่องว่างระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ
ส่งผลให้แรงดึงดูดของโลก ดึงมันจนห้อยย้อยลงมา
และบอกได้เลยว่าถ้าไปถึงจุดนั้นแล้ว
ต้องผ่าตัดเอาชิ้นผิวหนังที่ห้อยย้อย ทิ้งไปสถานเดียว ส่วนภาพที่สองนั้น เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการเพาะกายสามารถจัดการปัญหาเรื่องผิวห้อยได้ จะเห็นได้ชัดว่าขนาดเอวของนักเพาะกายท่านข้างบนนี้ ลดไป 3 - 4 เท่า แต่ผิวหนังหน้าท้องกลับตึงเป๊ะได้ เพื่อนสมาชิกอาจบอกว่า "ผมไม่อยากได้หุ่นควายแบบนี้นี่นา" คือกลัวว่าถ้าลดความอ้วนด้วยการเพาะกายแล้ว จะมีหุ่นใหญ่เกินไปแบบในภาพ AFTER อันนี้ก็ต้องบอกกล่าวกันก่อนครับว่ารูปนักเพาะกายผิวดำที่เห็นนี้ เขาก็เล่นกล้ามของเขาจนใหญ่อยู่ก่อนแล้ว โดยสังเกตได้จากขนาดหัวไหล่ และกล้ามต้นแขนที่อยู่ในภาพ BEFORE จากนั้น เมื่อรีดไขมันออกแล้ว ก็เลยได้เห็นไอ้เจ้าหัวไหล่ และกล้ามต้นแขนนี้ ชัดเจนขึ้น ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ปัญหาให้คุณมาขบคิดว่า ถ้าลดไขมันด้วยการเพาะกายแล้วฉันจะต้องมีหุ่นควายแบบนักเพาะกายข้างบนหรือ คำตอบคือเป็นคนละส่วนกันครับ การเล่นให้ใหญ่มันจะถูกแยกส่วนออกไป ผมจะไม่นำมาตอบในบทความหน้านี้ แต่สิ่งที่ให้ต้องการชี้แจงในหน้านี้คือการลดไขมันด้วยการเพาะกาย จะไม่ทำให้เกิดโพรง เกิดผิวหนังห้อยย้อยลงมาต่างหาก ณ.ตรงนี้ สรุปให้เห็นก่อนว่า 1.ถ้าต้องการลดไขมัน และอยากมีกล้ามใหญ่ๆแบบลูกพี่ผิวดำท่านข้างบนนี้ - ก็ต้องไปเข้าช่วง Off season (นอกฤดูการแข่งขัน)ก่อน โดยกินอย่างพะเนินเทินทึก ,เล่นกล้ามด้วยน้ำหนักมากๆ จำนวนครั้งน้อยๆ เช่นเล่นเซทละ 6 - 8 ครั้ง,ไม่แตะการทำคาร์ดิโอเลย จากนั้นจึงค่อยเข้ามาสู่การทำคาร์ดิโอรวดเดียว ข้อ 1 นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าประกวด หรือต้องการมีกล้ามแนว Hard core ครับ 2.ถ้าต้องการลดไขมัน และอยากมีพอมีกล้ามบ้าง - อันนี้ ก็ให้ใช้วิธีทำแอโรบิคหลังการเล่นกล้ามทุกครั้ง ส่วนในเวลาเล่นกล้าม ก็ให้ปรับน้ำหนักที่บริหารลงมา ให้เล่นได้เซทละ 12 - 15 ครั้งแล้วหมดแรงพอดี แต่ข้อเสียก็คือกล้ามจะขึ้นช้า ถึงช้ามาก แต่ก็ยังดีกว่าเกิดผิวหนังห้อยเป็นโพรงแล้วกันล่ะ ณ.ตอนนี้เราจะเข้าสู่เนื้อหา วิธีลดไขมันสำหรับคนอ้วนมาก ด้วยวิถีทางแห่งการเพาะกายแล้วนะครับ ให้ไล่เลียงลำดับลงไปดังต่อไปนี้คือ ![]() ถ้าใครเคยเล่นกล้ามมาก่อนแล้ว ก็ผ่านขั้นที่ 1 ไปได้ แต่ถ้ายังไม่เคยเล่นกล้ามเลย คุณจะต้องสร้างทักษะการเล่นกล้าม และกล้ามเนื้อพื้นฐานเสียก่อน (คำว่าทักษะคือ ต้องให้ร่างกายได้เรียนรู้วิธียกน้ำหนักในท่าต่างๆ ,วิธีหายใจ ,วิธีเกร็งกล้ามเนื้อว่าควรจะเกร็งตอนยกลูกน้ำหนักในตำแหน่งที่อยู่สูงสุด ฯลฯ) ตรงนี้ผมจะมีทางเลือกให้สองทางครับ คือ 1.แบบไม่มีค่าใช้จ่าย - โดยฝึกตามต้นแบบตารางฝึกตามที่ต่างๆ เช่นในเวบเพาะกาย ,นิตยสารเพาะกาย ,หนังสือเกี่ยวกับการยกน้ำหนักต่างๆ (ถ้าเป็นในเวบผม ผมก็จะรวบรวมไว้ที่หน้า http://www.tuvayanon.net/3index.html แล้วนะครับ จากนั้น ให้ปฏิบัติตามที่ลิงค์ http://www.tuvayanon.net/6useindex.html สิ่งที่ต้องทำใจบ้างสำหรับการเลียนแบบตารางฝึกชั้นสูงที่ว่านี้ก็คือว่า เป็นตารางฝึกของพวกที่เขาเล่นกันมา 10 ปีขึ้นไปแล้วทั้งนั้น อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มเล่นเท่าไร เช่นดันเอาท่า INCLINE BENCHPRESSES ไปใส่ไว้ในตารางฝึกเป็นท่าที่ 1 แล้วต่อด้วยท่า BENCH PRESSES หรือว่าดันให้ฝึกด้วยท่าที่ใช้เตียงหัวต่ำ เช่นท่า DECLINE BENCH PRESSES ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดหลักการเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อมันไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย คุณก็ต้องประยุกต์เอาแล้วกันครับ แต่ถ้าไม่ทราบว่าจะประยุกต์ยังไงก็อาจต้องใช้วิธีในแบบที่ 2 ข้างล่างนี้ครับ 2.แบบมีค่าใช้จ่าย - ให้ผมออกแบบตารางฝึกให้ได้ครับ โดยดูรายละเอียดที่ http://www.tuvayanon.net/yourwork.html นะครับ ซึ่งมีผลดีในแง่ที่ว่า ไม่ต้องมามัวทำความเข้าใจว่า ควรเล่นท่าไหนหลังท่าไหน กล้ามเนื้อส่วนไหนต่อจากกล้ามเนื้อส่วนไหน ต้องทานอะไรบ้าง อาหารเสริมควรทานตัวไหน วิธีใส่แผ่นน้ำหนักไม่ให้หล่น ทำอย่างไร ฯลฯ เพราะว่าผมจะกำหนดมาในตารางฝึกให้เลย โดยขมวดทุกอย่างอยู่ในนั้นทั้งหมด พวกเทคนิคย่อยๆที่ต้องรู้จริงๆ ผมก็จะจับใส่ไว้เลย คือถ้าได้ตารางฝึกแล้วก็ไม่ต้องไปหาความรู้ที่อื่นเพิ่มเติมอีกยังได้เลยครับ แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย เพราะผมจะต้องไปเช่าพื้นที่บนอินเตอร์เนทให้คุณ 20 - 30 ปี เพราะเวลาส่งลิงค์ขึ้นไปแล้ว มันก็จะกินพื้นที่อินเตอร์เนทที่ผมเช่าไว้ และมันจะอยู่คู่กับเวบผมไปตลอด เปิดเข้าไปดูเมื่อไรก็ได้น่ะครับ สมมติวันหนึ่งคุณหยุดเล่นไปสี่ห้าปี กลับมา ก็ยังเข้าไปที่ลิงค์เดิมนี้ได้อยู่ดีครับ |
|
||
![]() คาร์ดิโอแบบนักเพาะกาย จะต่างกับคาร์ดิโอแบบฟิตเนสเล็กน้อยครับ โดยคาร์ดิโอแบบเพาะกายที่ผมแนะนำนี้ ให้ทำหลังการเล่นกล้ามทุกครั้ง โดยจะใช้เวลาทำแค่ 5 นาที ไม่ใช่ลากยาว 30 - 40 นาทีแบบฟิตเนส ที่เราต้องทำน้อยๆ (แต่ได้ผลนะครับ) ก็เพราะเรี่ยวแรงของเรานั้น หมดไปกับการเล่นกล้ามก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง หลักการคือ ทันทีที่เริ่มทำแอโรบิค (โดยจะใช้สายพานสำหรับวิ่ง ,หรือวิ่งบนถนน ,หรือปั่นจักรยานก็ได้) ให้คุณ "เร่งฝีเท้า" ติดต่อกันให้ได้ 30 วินาที พอครบแล้วก็ให้เดินตามปกติ 30 วินาที (ตรงนี้ถือเป็น 1 วงรอบ) แล้ววนทำแบบนี้ใหม่ คือกลับไปเร่งฝีเท้าอีก 30 วินาที แล้วเดินตามปกติ 30 วินาที ทำอย่างนี้รวมทั้งหมดให้ได้ 5 วงรอบ ก็กินเวลา 5 นาทีพอดี ก็เสร็จแล้วครับ กลับบ้าน กินข้าว ใช้ชีวิตแบบคนปกติได้เลย
อาหารเสริมที่แนะนำให้ใช้ - (คำว่าแนะนำ ก็คือจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่ถ้าจะใช้ก็ควรใช้ตามที่ผมแนะนำน่ะครับ) ผมเคยให้คำปรึกษาไปแก่ผู้ที่ต้องการลดไขมันเพราะว่าตัวเองเป็นคนอ้วนมากนั้น "ไม่ใช่" สูตรเพิ่มความชัดครับ แต่สิ่งที่คุณต้องการคือ สูตรเพิ่มความแกร่ง ต่างหาก เหตุเพราะสูตรเพิ่มความชัด เขาเอาไว้ใช้ก่อนการประกวด หรือการถ่ายรูป และร่างกายของคุณก็ค่อนข้างเข้าที่เข้าทางอยู่ก่อนแล้ว (คือมีกล้ามแล้ว) แต่สำหรับผู้ที่พึ่งผ่าน 4 เดือนแรกมา สิ่งที่คุณควรใช้คือสูตรเพิ่มความแกร่ง เพราะว่าคุณต้องผ่านด่านการเล่นกล้ามก่อนจนแทบหมดแรงแล้ว ยังต้องมาต่อด้วยการทำแอโรบิคอีก (ทำยังไงได้ครับ ก็ต้องการลดไขมันนี่นา ก็ต้องเหนื่อยกว่าคนที่เขาเล่นเพาะกายตามปกติน่ะ ทำใจนะครับ) ดังนั้นอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มความอึดจึงมีส่วนสำคัญครับ ซึ่งจริงๆแล้ว การที่เราจะอึดได้โดยไม่ต้องใช้อาหารเสริม ก็ต้องอัดคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ แต่ประเด็นคือว่าช่วงลดน้ำหนักนี้ มันเป็นช่วงที่ทานคาร์โบไฮเดรตได้ไม่มาก ดังนั้น เมื่อกินคาร์โบไฮเดรตได้ไม่มาก ความอึดก็น้อยลง จึงต้องพึ่งสูตรเพิ่มความแกร่ง ให้เล่นได้อึดขึ้นนั่นเองครับ แต่ถ้าไม่มีกะตังค์ซื้อสูตรอาหารเสริมจริงๆ ก็กัดฟันทำคาร์ดิโอไปทั้งเพลียๆนั่นแหละครับ ทำไงได้ |
|
|
![]() การทำคาร์ดิโอเพิ่มในช่วงเช้านี้ มีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่อ้วนมาก (ไม่ใช่อ้วนธรรมดา) แต่ก็ต้องทำตามที่ผมแนะนำ ไม่ใช่ไปวิ่งตามสวนสาธารณะไปเรื่อยๆนะครับ เพราะต้องไม่ลืมว่าเรากำลังทำคาร์ดิโอในแนวเพาะกาย ถ้าไปทำคาร์ดิโอแนวอื่น อาจมีหนังห้อยย้อยลงมาเป็นของแถมได้ สำหรับการทำคาร์ดิโอในแนวเพาะกายนี้ ผมชี้แจงได้ดังนี้ครับ 1.ใช้เวลาเพียง 17 นาที แต่ไม่ใช่แค่วิ่งไปเรื่อยๆนะครับ ให้ใช้เทคนิค HIIT (ซึ่งจะมีรายละเอียดข้างล่างครับ) คุณอาจได้เคยอ่านเทคนิคการวิ่ง ,เทคนิคการทำคาร์ดิโอจากที่ต่างๆ แต่นั่นมันเป็นในแนวฟิตเนส แต่เทคนิค HIIT นี้ สำหรับนักเพาะกายน่ะครับ 2.ขออนุญาตแนะนำให้ใช้เบต้าอะลานีนช่วย (ตกเม็ดละ 12 บาทเองครับ กินเม็ดเดียว) โดยให้กินก่อนทำคาร์ดิโอสัก 5 นาที ที่ต้องขออนุญาตเพราะถ้าสังเกตในบทความที่ผมเขียนเอง (ไม่ได้แปล) นั้น ผมค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงการให้ใช้อาหารเสริมอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวครอบจักรวาลอย่างอะมิโน 10000 และวิตะมินรวมเซนทรัม แต่ในกรณีสำหรับคนอ้วน (มาก) ที่ต้องมีการวิ่งช่วงเช้า มีลักษณะพิเศษกว่าการเพาะกายตามปกติ จึงต้องขอแนะนำอาหารเสริมตัวอื่นช่วย แล้วถามว่าอาหารเสริมตัวอื่นตั้งเยอะ ทำไมต้องเป็นเบต้าอะลานีน ตรงนี้มันเป็นงานวิจัยน่ะครับ เขากำหนดมาตัวเดียวโดดๆสำหรับใช้กับเทคนิค HIIT เลย ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเพิ่มเติมมา เพียงแต่บอกว่าตัวอย่างที่ทดลองด้วย HIIT นี้ เขาให้ใช้เบต้าอะลานีน 2 - 3 กรัมก่อนและหลังการทำ HIIT แต่ผมแนะนำเพียง 1.5 กรัม (คือ 1 เม็ด) ก่อนทำ HIIT ก็พอ เพราะตัวอย่างที่เขาทดลองนั้น เป็นพวกนักเพาะกายตัวใหญ่ๆกัน อาจจะหนักร้อยโลเท่าคุณนั่นแหละครับ แต่ปริมาณกล้ามเนื้อเขามากกว่าคุณเยอะ ก็เลยไม่ต้องไปกินเยอะแบบเขา กินตามที่ผมแนะนำปลอดภัยและได้ผลดีที่สุดครับ แต่เน้นว่าต้องเป็นเบต้าอะลานีนของแท้นะครับ อย่าไปซื้อของปลอมราคาถูกๆมาใช้เชียว ตอนนี้หาซื้อได้ที่อีเบย์ รวมค่าส่งแล้ว ก็ตกขวดละ 1,400 บาท มี 120 เม็ดก็ตกเม็ดละ 12 บาท กินเม็ดเดียวก่อนทำ HIIT โดยให้ทำอาทิตย์ละ 4 ครั้ง ก็คือเดือนละ 16 เม็ด นั่นคือ ซื้อ 1 ขวด (1,400 บาท) ทานได้ 7 เดือน ต้องหาซื้อจากต่างประเทศครับ มีญาติพี่น้องอยู่ต่างประเทศก็ให้หาซื้อแล้วส่งมาให้หน่อย ถ้าไม่มีก็ใช้บริการฝากซื้อสินค้าของภรรยาผมได้ครับ คิดค่าดำเนินการ 75 บาท สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ใช้สูตรอาหารเสริมที่มีตัวเบต้าอะลานีนอยู่ก่อนแล้ว ก็ให้แยกส่วนไปครับ คือเบต้าอะลานีนอันนั้น ก็กินตามสูตรไป แต่ถ้าจะทำ HIIT ก็ให้แยกส่วนออกมาเสมือนกับว่าไม่ได้กินสูตรอยู่น่ะครับ (คือให้กินเบต้าอะลานีน 1 เม็ดก่อนทำ HIIT เสมอ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะไปซ้ำกับการกินตามสูตรตอนเล่นกล้ามหรือไม่) 3.การทำ HIIT ช่วงเช้านั้น หมายความว่าคุณเล่นกล้ามช่วงบ่ายนะครับ ถ้าคุณสลับกันคือเล่นกล้ามช่วงเช้า ก็ต้องไปทำ HIIT ช่วงบ่าย อย่าเอามาทำรวมกับการเล่นกล้าม เพราะหลังการเล่นกล้าม คุณมีคาร์ดิโอให้ทำ 5 นาทีหลังการเล่นกล้ามอยู่แล้วนะครับ (ตามขั้นตอนที่ 2) 4.ทำ HIIT ช่วงเช้าของวันที่เล่นกล้าม นั่นคือ ถ้าคุณเล่นกล้ามอาทิตย์ละ 4 วัน ก็คือคุณทำ HIIT อาทิตย์ละ 4 วัน ที่เหลืออีก 3 วันก็ไปพักผ่อนอารมณ์ครับ ใช้ชีวิตให้มีความสุข ควบคู่ไปกับการเล่นกล้าม เล่น 4 พัก 3 อย่างนี้ถือว่ากำลังดี ไม่ขมึงเกลียว และไม่หย่อนเกินไปครับ
|
ข้อแนะนำเรื่องการทานอาหาร อันนี้ผมแนะนำเองครับ ไม่ได้แปลมา แต่ใช้ประสบการณ์การอ่านเอามาผสมกัน ก็คือว่า สำหรับการลดน้ำหนักตัวขนาด 100 กิโลกรัมขึ้นไปนั้น ให้ทานแบบพออิ่ม คือรู้สึกได้ว่าไม่หิวแล้ว ก็หยุดแค่นั้น แต่อย่าอดอาหารครับ ให้ย้อนกลับไปดูลิงค์เรื่อง พิมพ์เขียวช่วงเตรียมตัวประกวด จะเห็นได้ว่าเวลาที่เขาตัดคาร์โบไฮเดรตกันแบบโหดๆนั้น เขาตัดกันอาทิตย์สุดท้ายก่อนประกวดเองครับ ก่อนหน้านั้น ก็ยังทานคาร์โบไฮเดรตบ้าง แต่ไม่ถึงกับตัดคาร์โบไฮเดรตทิ้งไปเลย ดังนั้น เมื่อย้อนกลับมาดูตัวเพื่อนสมาชิกเอง ต้องเข้าใจว่าคุณจะต้องอยู่กับระบบนี้ คือ เช้าทำ HIIT เย็นเล่นกล้ามและต่อด้วยคาร์ดิโอแบบสปีดอีก 5 นาที เป็นอย่างนี้เรื่อยไปอาทิตย์ละ 4 วัน มันไม่มีช่วงการประกวดเหมือนอย่างในลิงค์ พิมพ์เขียวช่วงเตรียมตัวประกวด ที่ผมพูดถึง ดังนั้น คุณต้องเดินทางสายกลางเอาไว้เสมอครับ คือให้กินไปแบบธรรมดาทุกๆวัน เพียงแต่ทานคาร์โบไฮเดรตน้อยลง (ทั้ง 7 วัน) เช่นแต่ก่อนทานข้าวมื้อละสามจาน ก็ให้เหลือค่อนจาน (ของจานเดียว)ก็พอ แต่อย่าถึงกับเหลือแค่ครึ่งจาน อันนั้น เดี๋ยวไม่มีแรงไปออกกำลังครับ น้ำหนักตัวตั้ง 100+ มันก็ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนเยอะ (เดิน ,เหิร ,ลุก ,นั่ง) ไหนจะต้องไปออกกำลังอีก ถ้าทำได้อย่างที่ผมแนะนำอย่างนี้แล้ว ก็จะปฏิบัติตัวไปอย่างนี้ได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดครับ ปล.ข้อแนะนำของผมนี้ ใช้ได้กับทุกคนนะครับ ไม่จำเป็นต้องน้ำหนักตัว 100 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะเทคนิคในหน้านี้ เป็นการทำคาร์ดิโอชั้นสูงแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ต้องชี้แจงคือ เมื่อเอาไปเทียบกับลิงค์ พิมพ์เขียวช่วงเตรียมตัวประกวด นั้น เพื่อนสมาชิกอาจสงสัยว่าถ้าเทคนิค HIIT ข้างบนนี้ดีจริง ทำไมครูฝึกส่วนตัวของฟิล ไม่เอามาใช้กับฟิลตั้งแต่อาทิตย์แรกๆเลย แต่กลับเอาไปใช้ช่วงไม่กี่อาทิตย์สุดท้ายก่อนการประกวดแล้ว คำตอบก็คือว่า เพราะการทำ HIIT ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนเติบโตช้าด้วยครับ ดังนั้น ในช่วงอาทิตย์แรกๆของการเตรียมตัวประกวดของฟิล ครูฝึกจึงทำให้ทำคาร์ดิโอแบบลากยาวธรรมดา นานถึง 40 นาทีขึ้นไป ก็เพราะไม่ต้องการให้ไปสลายกล้ามเนื้อมากไปนั่นเอง เนื่องจากเวลาขึ้นเวที เขาไม่ได้ดูที่ความแห้งของกล้ามอย่างเดียว กรรมการเขาดูความเต็ม กลมมนของกล้าม และขนาดที่ใหญ่เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันด้วย แต่สำหรับเพื่อนสมาชิกในช่วงลดน้ำหนักแบบนี้ ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องความเต็ม กลมมนของกล้ามตอนขึ้นประกวด ดังนั้น ใช้ HIIT ได้ตั้งแต่เดือนที่ 6 ของการเล่นกล้ามเลย (4 เดือนแรก เล่นกล้ามตามปกติ ,พอขึ้นเดือนที่ 5 เพิ่มคาร์ดิโอ 5 นาทีหลังเล่นกล้าม ,พอขึ้นเดือนที่ 6 จึงเพิ่ม HIIT ช่วงเช้า) แล้วต้องทำนานแค่ไหน? - ผมบรรจุไว้ให้ทำแค่อาทิตย์ละ 4 วัน ดังนั้นไม่ถือว่าหนักเกินไป (และก็ไม่ควรทำในจำนวนวันที่มากกว่านี้ เดี๋ยวไขมันหายเร็วไปจนกล้ามเนื้อขึ้นแทนไม่ทัน ก็จะเกิดโพรงจนผิวย้อยอย่างที่เรากลัวนั่นแหละครับ) เพื่อนสมาชิกสามารถทำไปได้ตลอดเลยครับ ถ้าพอใจที่หุ่นขนาดไหนของตัวเอง ก็หยุดทำ HIIT เลยก็ได้ แล้วให้เหลือแค่ทำคาร์ดิโอแบบเร่งจังหวะแค่ 5 นาทีหลังเล่นกล้ามก็พอ |
|
- END - |