![]() ![]() ![]() |
แนะนำเรื่องการซื้ออุปกรณ์ หน้าแรก / ดัชนี-6 / ดัชนี-อุปกรณ์เพาะกาย / แนะนำเรื่องการซื้ออุปกรณ์ |
ในหน้าเว็บนี้ผมจะแนะนำการซื้ออุปกรณ์เพาะกายโดยใช้ประสบการณ์การใช้อุปกรณ์มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ เพราะสำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้าวงการเพาะกายมา เมื่อเห็นอุปกรณ์ตัวนั้นตัวนี้ ก็ดูน่าซื้อไปหมด พอซื้อมาใช้บริหารจริงๆ ปรากฏว่าที่ต้องใช้จริงๆกับมีไม่กี่อัน ส่วนอันที่เหลือไม่เคยได้ใช้เลย ทำให้เปลืองเงินไปเปล่าๆ ถ้าจะไปบริหารที่โรงยิมนั้น เมื่อรวมค่าสมาชิกที่เสียไปนั้น ผมว่าสู้เอามาซื้ออุปกรณ์เก็บไว้บริหารเองที่บ้านดีกว่า เพราะมันไม่แน่ครับ ถ้าวันใดวันหนึ่ง เกิดเราต้องหยุดบริหารขึ้นมา อย่างน้อยอุปกรณ์มันก็ยังอยู่ในบ้านเรา และเมื่อหลายปีผ่านไปแล้วมีโอกาสกลับมาบริหารใหม่อีกครั้ง ก็บริหารต่อไปได้เลย ไม่ต้องมานั่งเก็บเงินซื้ออีก สำหรับการแนะนำในหน้าเว็บนี้นั้น มันมีอุปกรณ์หลายตัว ถ้าจะให้อธิบายรายละเอียดทุกตัว เนื้อหามันจะเยอะเกินไป เอาเป็นว่าผมจะลองอธิบายเรื่อง “เตียงยกน้ำหนัก” ให้ดูเป็นตัวอย่างสักอันหนึ่ง แล้วคุณจะเห็นว่าผมมีรายละเอียดการดูสเปคมากแค่ไหน ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องศึกษาสเปคทุกตัวหรอกครับ เพราะผมไปหาร้านใน Shopee และ Lazada เอามาให้คุณคลิกซื้อได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษาเสปคอะไรมากมาย รายการอุปกรณ์ที่จะแนะนำให้ซื้อนั้น ผมจะเริ่มจากตัวสำคัญที่สุดก่อน แล้วไล่เรียงลำดับโดยลดความสำคัญลงไป คือหมายความว่า ถ้าคุณได้อั่งเปาจากคุณปู่คุณย่ามา หรือเก็บเงินค่าขนมได้มา ก็ให้เอามาซื้ออุปกรณ์พวกนี้ตามลำดับจากอันดับแรกก่อนนะครับ ถ้าเงินหมดที่ลำดับไหน ก็หยุดไว้ที่ลำดับตรงนั้นก่อน เอาไว้ถ้าได้เงินมาใหม่ ก็ทะยอยซื้อในลำดับต่อไปอีก ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้อุปกรณ์ครบทุกตัวนะครับ สำหรับการซื้ออุปกรณ์ผมจะแบ่งเป็น 2 เลเวลครับ เลเวลแรก – คือรายการอุปกรณ์ที่ “ต้องซื้อ” เลเวลสอง – คือรายการอุปกรณ์ที่ “ซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้” ( แต่ถ้าซื้อได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีครับ - เพราะดีกว่าเอาเงินไปซื้ออย่างอื่น เช่นเอาเงินไปซื้อลู่วิ่งราคาเป็นแสน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้วิ่ง และกลายเป็นที่แขวนเสื้อผ้า หรือราวตากผ้าไปเสียอย่างนั้น ) |
เลเวล 1 |
สินค้าที่อยู่ในเลเวล 1 นี้คือสินค้าที่ “ต้องซื้อ” เรียกได้ว่าถ้ายังไม่มีเงินเดือน ก็ต้องอ้อน ขอพ่อขอแม่ซื้อเอานะครับ ต้องตื้อเพื่อซื้อให้ได้ แต่ถ้ามีเงินเดือนแล้วก็ต้องเก็บออม ไม่เที่ยว ไม่กินหรู เพื่อจะได้เอาเงินมาซื้ออุปกรณ์ในเลเวล 1 นี้ให้จงได้นะครับ อย่า! ไปเชื่อพวก Youtube หรือ tiktok ที่มีเนื้อหาประเภทออกกำลังกายมือเปล่า หรือใช้อุปกรณ์ดัดแปลงในบ้านเลยนะครับ พวกนั้น เขาทำเพื่อคอนเทนต์เท่านั้น ( คือหมายความว่าทำให้มีหัวข้อที่น่าสนใจ ที่แปลก เพื่อให้คนคลิกเข้ามาดูเยอะๆ เขาจะได้ยอดวิว ) เพราะว่าเวลามันเป็นเรื่องสำคัญครับ ถ้าคุณเสียเวลาหลายปีไปออกกำลังกายมือเปล่า หรือใช้อุปกรณ์ดัดแปลงในบ้าน แล้วมันไม่ได้ผล มันน่าเสียดายเวลาและเม็ดเหงื่อที่ทุ่มเทไปครับ สู้เราลงทุนกับอุปกรณ์ และฝึกให้จริงจัง รับรองว่าได้ผลแน่นอน ไม่เสียเวลาไม่เสียเม็ดเหงื่อไปเปล่าๆครับ |
อันดับ 1 - เตียงยกน้ำหนักแบบมีที่บริหารขา ( ข้างล่างนี้ ) |
ก่อนจะส่งลิงก์สินค้าให้เพื่อนๆคลิกเข้าไปซื้อนั้น ผมจะลองยกตัวอย่างวิธีดูสเปคให้คุณดูก่อนนะครับจะได้รู้ว่าผมเรื่องมากเรื่องสเปคแค่ไหน ละเอียดแค่ไหน จุกจิกแค่ไหน มันต้องใช้ประสบการณ์ในการดูสเปคครับ เวลาที่จะซื้อเตียงยกน้ำหนักนั้น ประการแรกคือต้องดูความกว้างของเสาที่จะวางบาร์เบลล์ว่า "อย่าให้กว้างเกินไป" |
![]() |
leadersports.com |
( ภาพบน ) คือให้เสาที่วางบาร์เบลล์นั้น อยู่ห่างกันประมาณไม่เกิน 2 ฟุต หรือ 60 ซม. บวกลบทั้งสองข้างไม่เกินข้างละ 5 ซม. พูดง่ายๆคือ ให้ความกว้างอยู่ระหว่าง 60 ซม.ถึง 70 ซม. ก็จะเป็นความห่างที่ "กำลังพอดี" |
![]() |
( ภาพบน ) สาเหตุที่ให้มีความกว้างของบาร์แบบนี้ ( คือระหว่าง 60 ถึง 70 ซม.) ก็เพื่อว่า เวลาที่เราจับบาร์เบลล์เพื่อจะบริหารท่า Bench press เราก็จะมี "ระยะปลอดภัย" คือมีความห่างของมือเรา กับตัวเสาที่วางบาร์เบลล์ เหมือนในรูปข้างบนนี้ |
![]() |
picstopin.com |
( ภาพบน ) ซึ่ง เพื่อนสมาชิกก็จะสังเกตุเห็นได้ว่า เวลาที่เขาบริหารท่า Benchpress ( เหมือนในรูปข้างบนนี้ ) เขาก็จะเลือกเตียงยกน้ำหนักที่มีความกว้างระหว่างเสาวางสองข้าง ไม่กว้างเกินไป เหมือนที่ผมแนะนำไว้นี่เอง / คราวนี้ เรามาดูความกว้างที่ไม่พึงประสงค์กัน ดังภาพข้างล่างนี้ครับ |
![]() |
forum.bodybuilding.com |
![]() |
( ภาพบน ) ถ้าระยะห่างของเสาวางบาร์เบลล์ ห่างกันมากเกินไป ก็จะทำให้ "ระยะปลอดภัย" น้อยลงไปด้วย ผลก็คือ เวลาที่เราบริหารท่า Benchpress เสร็จ แล้วจะวางบาร์เบลล์ลงบนเสา ก็จะเกิดเหตุการณ์ว่า ช่วงนิ้วโป้งของเราอาจ "ไปเกี่ยว" กับตัวเสาร์สำหรับวางบาร์เบลล์ ( เหมือนตรงที่ ลูกศรสีแดง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) จนเกินบาดแผลได้ เพราะระยะปลอดภัยมันน้อยเกินไปนั่นเอง |
![]() |
( ภาพบน ) บาดแผลที่เกิดจากการที่มี "ระยะปลอดภัย" น้อยเกินไป |
เพื่อนๆอาจสงสัยว่า แล้วเขาจะออกแบบเตียงยกน้ำหนักที่มีขนาดความกว้างของเสามากๆเอาไว้ทำอะไร? คำตอบก็คือ ( ดูในภาพข้างล่างนี้ครับ ) |
![]() |
menshealth.co.uk |
( ภาพบน ) เตียงยกน้ำหนักแบบมีระยะห่างของเสามากๆนั้น เขามีเอาไว้ บริหารหลังแขน ในท่า Close grip benchpress แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ไงครับ ซึ่งความกว้างของเสา ขนาดนี้ มันไม่เหมาะที่จะบริหารท่าหลัก คือท่า Benchpress เลยครับ ผมจะขอชี้แจงอีกเหตุผลหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ( คือเรื่องความระยะห่างของเสาวางบาร์ ) ดังนี้นะครับ คือ ถ้าลองย้อนกลับไปอ่านบทความเดิมๆของผม เกี่ยวกับการจับบาร์เบลล์ให้มีความสมดุลนั้น ผมเคยอธิบายไว้ดังนี้ |
![]() |
( ภาพบน ) ซึ่งในภาพข้างบนนี้ มันเป็นการบริหารกล้ามปีกด้วยท่า Barbell rows คือใช้การวางบาร์เบลล์ลงบนพื้น แล้วกะระยะห่างจากแผ่นบาร์เบลล์ทั้งสองข้างเข้ามา ให้เท่าๆกันทั้งซ้ายและขวา / แต่สำหรับคำอธิบายในที่นี้ ผมต้องวางบาร์เบลล์ไว้บนเสา ไม่ได้วางกับพื้น ดังนั้น จึงต้องมีการกลับหัวกลับหางกันหน่อย ดังภาพข้างล่างนี้ |
![]() |
( ภาพบน ) ผมลองกลับภาพให้ดูนะครับ เพื่อจะชี้แจงว่า เวลาที่เราจะเล่นท่า Benchpress แล้ว เจอบาร์เบลล์ที่ยาวๆ จนเรากลัวว่าจะจับบาร์เบลล์ได้ไม่สมดุล ผมก็จะใช้หลักการเดียวกัน คือใช้วิธีเอา นิ้วก้อยแตะ ไปที่ตัวแผ่นบาร์เบลล์ก่อน ( เหมือนใน รูป ก. ) แล้วค่อยคืบมือเข้ามาเท่าๆกันทั้งซ้ายและขวา ( เหมือนใน รูป ข. ) / ซึ่งรูปแบบของเตียง มันมีผลเกี่ยวเนื่องกับเทคนิคนี้แหละครับ ( คำว่า เทคนิคนี้ หมายถึง เทคนิคที่ใช้ นิ้วก้อยแตะ ที่แผ่นบาร์เบลล์ก่อน แล้วค่อยคืบมือเข้ามา ) ดังนี้ครับ |
![]() |
body-mind-strength.com |
![]() |
( ภาพบน ) ถ้าเป็นเตียงที่มีความกว้างของเสาวางบาร์ไม่กว้างนัก ( แบบที่เห็นในรูปข้างบน ) ผมก็จะสามารถใช้เทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" ได้ เพราะโอกาสที่นิ้วก้อยของผมไปแตะแผ่นบาร์เบลล์นั้น "มีอยู่" ( คือมีโอกาสที่จะเอานิ้วก้อยไปแตะที่แผ่นบาร์เบลล์ทั้งซ้ายและขวา เพื่อทำเทคนิคนี้ได้ ) |
![]() |
body-mind-strength.com |
( ภาพบน ) ผลของการใช้เทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" ก็เลยทำให้ระยะห่างจากแผ่นบาร์เบลล์เข้ามาจนถึงมือ ทั้งซ้ายและขวา นั้นเท่ากัน ( คือ ระยะห่าง ก. และระยะห่าง ข. จะเท่ากัน ) ทำให้เกิดความสมดุลของการยกบาร์เบลล์ ทำให้กล้ามหน้าอก ทั้งซ้ายและขวา ได้รับการบริหารที่เท่ากัน ด้วยหลัก "โมเมนตัม" ที่เท่ากัน ( ต้องขอขอบคุณเทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" ) แต่ถ้าเป็นเตียงที่มีความกว้างของเสา กว้างๆแบบในรูปข้างล่างนี้ล่ะ? |
![]() |
muscleprodigy.com |
![]() |
( ภาพบน ) ถ้าเป็นเตียงที่มีความกว้างของเสาสองข้าง มากเกินไป แบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้ ผมก็จะใช้เทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" ไม่ได้เลย เพราะไม่มีโอกาสที่จะเอานิ้วก้อยไปแตะแผ่นบาร์เบลล์ได้ |
![]() |
muscleprodigy.com |
( ภาพบน ) ผลของการที่ไม่สามารถใช้เทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" ได้ ก็เลยทำให้ระยะห่าง ก. และระยะห่าง ข. ไม่เท่ากัน ดูในภาพข้างบนนี้ ด้วยสายตา ก็จะเห็นชัดเลยว่า ก.ไม่เท่ากับ ข.จริงๆ / ผลของการที่ ก.ไม่เท่ากับ ข.นี้ ก็เลยส่งผลให้ "โมเมนตัม" ของการยกบาร์เบลล์ในภาพข้างบนนี้ ก็เลยไม่เท่ากันไปด้วย คือโมเมนตัมทางด้าน ก. มีมากกว่าด้าน ข. จึงทำให้แรงกดทางด้านมือด้านขวา จึงมีมากกว่าด้านซ้าย / เมื่อแรงกดไปที่มือด้านขวามีมากกว่าด้านซ้าย จึงทำให้หน้าอกด้านขวาต้องออกแรงมากกว่าข้างซ้าย ผลก็คือ ทำให้หน้าอกด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้าย คือหน้าอกข้างซ้ายและขวาไม่สมดุลกัน สรุปว่า ถ้าอยากให้กล้ามอกซ้ายและขวา ใหญ่สมดุลกัน ได้รับการบริหารเท่ากันทั้งซ้ายและขวา ก็ควรเลือกเตียงยกน้ำหนักที่มีขนาดความห่างของเสาทั้งสองข้าง อยู่ในระหว่าง 60 - 70 ซม. จะดีที่สุด เพื่อที่ว่า เวลาที่เราเจอบาร์เบลล์ยาวๆ เราก็จะสามารถใช้เทคนิค "นิ้วก้อยแตะ" อย่างที่ผมนำเสนอนี้ได้ ในกรณีที่คนขายพยายามพูดหว่านล้อม ว่าควรเลือกเตียงยกน้ำหนักที่มีระยะห่างระหว่างเสาสองข้างมากๆนั้น ( ซึ่งไม่ตรงกับคำแนะนำของผม ) ขอให้เพื่อนสมาชิกคิดในใจว่า นั่นเป็นเพราะเตียงแบบนี้ขายไม่ค่อยออก และคนขายก็ "ลงทุน" ซื้อเตียง ( ที่มีความกว้างของเสามากๆ ) นี้มาขายแล้ว เขาก็ต้องพูดหว่านล้อมให้คุณซื้อเตียงแบบเสาห่างๆมาก ให้ได้ ไม่งั้นเขาก็เจ้ง เพราะลงทุนไปแล้ว แต่ขายไม่ได้ / ดังนั้น จงอย่าเอา "ความสงสาร" ( สงสารว่าคนขายจะเจ้ง ) ไปซื้อเตียงแบบเสาห่างๆมานะครับ ไม่งั้นคุณจะได้ขนาดหน้าอกที่ไม่สมดุลกัน มาเป็นของแถมพร้อมกับเตียงเสาห่างตัวนี้น่ะครับ ประการต่อไปคือให้ปรับหัวเตียง "ขนานกับพื้น และทำมุมสูงขึ้น" เท่านั้น ไม่ต้องเลือกตัวที่ ทำหัวต่ำลง |
![]() |
zestfitness.com |
![]() |
excelfitness.in |
( ภาพบน ) ให้เลือกเตียงที่มีคุณสมบัติแค่สองอย่างเท่านั้น คือ ปรับหัวเตียงให้ "ขนานกับพื้นได้" และปรับหัวเตียงให้ "สูงขึ้นได้" โดย ห้ามเลือก คุณสมบัติการปรับหัวต่ำลงได้อย่างเด็ดขาด ที่ต้องเตือนไว้อย่างนี้ ก็เพราะในตลาดบ้านเราทุกวันนี้ จะมีเตียงยกน้ำหนักให้เลือกสองแบบคือ 1.เตียงปรับหัวได้ สองแบบ คือ ปรับขนานกับพื้น และปรับให้หัวสูงขึ้น 2.เตียงปรับหัวได้ สามแบบ คือ ปรับขนานกับพื้น ,ปรับให้หัวสูงกว่าขึ้น และปรับให้หัวต่ำลง ให้เพื่อนๆเลือกข้อ 1. เท่านั้นนะครับ / โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ |
![]() |
zestfitness.com |
( ภาพบน ) ถ้าเป็นเตียงที่ปรับหัวได้แบบขนานกับพื้น และปรับหัวสูง (ปรับหัวต่ำไม่ได้) นั้น ลักษณะโครงสร้างจะมีความแข็งแรงมากกว่า คือมันจะมีแท่งเหล็ก ยาวๆ ตรงๆ ลากเป็นทางยาวไว้ใต้เบาะ ตามแนวที่เห็นเป็น เส้นลูกศรสีแดง ในภาพข้างบน และภาพข้างล่างนี้ |
![]() |
cronsports.en.made-in-china.com |
การที่มีแท่งเหล็กยาวๆ ตรงๆแบบนี้ จะทำให้เบาะ รับน้ำหนักได้มากกว่า ซึ่งน้ำหนักที่ว่านี้คือ น้ำหนักตัวของผู้บริหารเอง บวกกับน้ำหนักของบาร์เบลล์ที่ยกอยู่ในมือ ในเวลาที่บริหารท่า Benchpress |
![]() |
hugegainer.com |
( ภาพบน ) น้ำหนักที่กดลงมาในเวลาที่เราบริหารท่า Benchpress นั้น ผมทำเป็นเครื่องหมาย ลูกศรสีแดง ไว้ในภาพข้างบนนะครับ / คือมันจะมีแรงกด 2 ชุดใหญ่ๆคือ ชุดที่ 1 เป็นแรงกดจากบาร์เบลล์ วิ่งมาที่มือทั้งสองข้าง แล้วก็วิ่งไปที่ "สะบักด้านหลัง" ทั้งซ้ายและขวา (สะบัก ก็คือช่วงต่อระหว่างหัวไหล่ กับแขน) ,รวมไปถึงแรงกดที่บริเวณหลังศีรษะด้วย / โดยแรงกดชุดที่ 1 ทั้งหมดนี้ ไอ้เจ้าเหล็กแท่งตรงๆ บริเวณที่มี เส้นประสีเขียว วงไว้ อยู่นั้น ต้องรับน้ำหนักทั้งหมดใน ชุดที่ 1 นี้เต็มๆ ชุดที่ 2 เป็นแรงกดจากบริเวณช่วงกลางลำตัว ซึ่งแรงกดนี้มาจากน้ำหนักตัวอย่างเดียว / แรงกดตรงนี้จะไม่มากเท่าไร (ไม่มากเหมือนชุดที่ 1) / ซึ่งแรงกดในชุดที่ 2 นี้ ก็จะมีเหล็กแท่งตรงๆ บริเวณที่มี เส้นประสีน้ำเงิน วงไว้ อยู่นั้น เป็นผู้รับน้ำหนัก สรุปตรงนี้ก่อนว่า เวลาบริหารท่า Benchpress ( ดังที่เห็นในภาพข้างบนนั้น ) คานเหล็กบริเวณ เส้นประสีเขียว วงไว้ นั้น จะต้องรับน้ำหนักมากกว่า คานเหล็กที่บริเวณ เส้นประสีน้ำเงิน วงไว้ ( ความจริง มันเป็นคานเหล็กแท่งเดียวกัน แต่ผมใช้คำพูดอย่างนี้ เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า แรงกด ( ลงบนเบาะ ) ที่เกิดขึ้นช่วงบริเวณทรวงอกขึ้นไปจนถึงศีรษะนั้น จะมีมากกว่า แรงกด ( ลงบนเบาะ ) ช่วงบริเวณต่ำกว่าทรวงอกลงไป เหตุผลก็เพราะ เราแบกคานบาร์เบลล์ไว้บนมือนั่นเอง ( เราไม่ได้เอาคานบาร์เบลล์ไปวางไว้บริเวณสะดือ เพราะถ้าเราเอาคานบาร์เบลล์ไปวางไว้บนสะดือ แรงกดที่บริเวณช่วงกลางลำตัว ก็จะมีมากกว่า ) คราวนี้ ลองมาดูเบาะที่ปรับหัวต่ำได้กันนะครับ ( ดังภาพข้างล่างนี้ ) |
![]() |
mybodymachine.in |
( ภาพบน ) เตียงที่เห็นในภาพข้างบนนี้ เป็นเตียงที่สามารถปรับระดับเบาะได้สามระดับคือ ปรับขนานกับพื้นก็ได้ ,ปรับให้หัวสูงกว่าขึ้นก็ได้ และปรับให้หัวต่ำลงก็ได้ ซึ่งเมื่อเรามาพิจารณาก็จะเห็นว่า ( ดังภาพข้างล่างนี้ ) |
![]() |
( ภาพบน ) ไม่มีแท่งเหล็กตรงๆเลยสักอัน คือไม่มีสิ่งที่ผมทำรูปสมมติเป็นแท่งสีชมพู ไว้ให้ดูในภาพข้างบนนี้น่ะครับ ( บริเวณที่ ลูกศรสีแดง ชี้อยู่ ) |
![]() |
eftm.com.au |
( ภาพบน ) นั่นหมายความว่า เมื่อผมปรับเบาะให้ขนานกับพื้นเหมือนในภาพข้างบนนี้ เพื่อจะบริหารท่า Benchpress สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ... ( ดูภาพข้างล่างนี้ ) |
![]() |
( ภาพบน ) ไม่มีคานเหล็กตรง มารองรับบริเวณที่ผมทำเครื่องหมาย เส้นประสีเขียว วงไว้ นี้เลย นั่นหมายความว่า ... ( ดูภาพข้างล่างนี้ ) |
![]() |
( ภาพบน ) นั่นหมายความว่า ทันทีที่ผมใช้เตียงนี้บริหารท่า Benchpress ก็จะมีแรงกด ชุดที่ 1 อันเป็นแรงกดจากบาร์เบลล์ วิ่งมาที่มือทั้งสองข้าง แล้วก็วิ่งไปที่ "สะบักด้านหลัง" ทั้งซ้ายและขวา ,รวมไปถึงแรงกดที่บริเวณหลังศีรษะด้วย โดยแรงกดทั้งหมดนี้ อาศัยเพียงแท่งเหล็กเล็กๆ ยาวๆ ที่วางขัดหัวเตียงไว้ (คือแท่งเหล็กเส้นเล็กๆเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ตรงที่ ลูกศรสีเหลือง ชี้อยู่ในภาพข้างบน) แล้วมันจะไหวเหรอครับ? / ส่วนแรงกด ชุดที่ 2 (คือแรงกดบริเวณช่วงกลางลำตัวของเรา ที่กดลงไปบนเบาะ) ไม่ต้องกล่าวถึง เพราะมันไม่หนักเท่าไร ไม่หนักเหมือนแรงกด ชุดที่ 1 เห็นไหมครับ เราต้องเอาชีวิตของเราไปแขวนไว้กับเส้นด้าย โดยเส้นด้ายที่ว่านี้ ก็คือ แท่งเหล็กเล็กๆที่ขัดหัวเตียงไว้ (ตรงที่ ลูกศรสีเหลือง ชี้อยู่ในภาพข้างบน) ถ้ามันหักลงมาในขณะที่เราบริหารท่า Benchpress จะว่ายังไงล่ะครับ ต้องมีคนบาดเจ็บแน่ๆล่ะครับ / วันนี้ไม่หัก วันหน้าก็อาจหักได้ / แล้วถ้าไอ้เจ้าแท่งเหล็กเล็กๆนี่หัก ต่อไป คุณก็บริหารท่า Benchpress ไม่ได้แล้ว รวมไปถึงท่า Incline Benchpress ด้วยครับ เพื่อนสมาชิกบางท่านอาจสงสัยว่า ถ้าซื้อแต่เตียงยกน้ำหนักแบบที่ปรับได้เพียง สองแบบ ( คือ ปรับขนานกับพื้น และปรับให้หัวสูงขึ้น ) อย่างนี้ก็บริหารท่า Decline benchpress ไม่ได้สิ ผมก็มีคำตอบ โดยเป็นข้อพิจารณาดังนี้ครับ 1.ท่า Benchpress ( ที่ต้องใช้การปรับหัวเตียงแบบขนานพื้น ) มันเป็นท่าหลักครับ / ส่วนท่า Decline benchpress มันเป็นท่ารอง ดังนั้น ถ้าต้องเลือกซื้อเตียงยกน้ำหนักสักอันหนึ่ง เราก็ควรเลือกเตียงที่ ส่งเสริมให้เราเล่นท่าหลัก ( คือท่า Benchpress ) ได้ดีที่สุด ถูกไหมครับ - ซึ่งก็หมายความว่าต้องเลือกเตียงแบบที่ปรับได้เพียงสองแบบ คือปรับหัวขนานพื้น และปรับหัวให้สูงขึ้นเท่านั้น เพราะมันมีคานเหล็กยาวๆตรงๆ ทอดยาวเป็นแท่งเดียวอยู่ใต้ตัวเบาะนั่นเอง / คุณอย่าไปทำกลับกัน คือดันไปเลือกเตียง ที่ส่งเสริมให้เราเล่นท่ารอง ( คือท่า Decline benchpress ) ได้ดีกว่าท่าหลักสิครับ 2.ในชีวิตการศึกษาการเพาะกายมา 20 ปีนี้แล้ว ผมสังเกตุได้ว่า ในช่วง 5 ปีแรกของการเพาะกาย ไม่เคยมีใครบริหารด้วยท่า Decline benchpress เลยสักคนเดียวครับ / และสำหรับพวกแชมป์ที่ฝึกเกิน 5 ปีขึ้นไป ก็จะมีบริหารท่า Decline benchpress บ้าง แต่ไม่มากครับ ไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ / และยืนยันได้ว่า แชมป์หลายคน ไม่เคยบริหารท่า Decline benchpress เลยครับ |
![]() |
munfitnessblog.com |
( ภาพบน ) เอาไว้ ถ้าคุณเล่นกล้ามได้ 5 ปีขึ้นไปแล้ว และไม่เดือดร้อนเรื่องทุนทรัพย์ ถึงเวลานั้น คุณค่อยซื้อเตียงยกน้ำหนักแบบหัวต่ำ เพื่อเอามาบริหารท่า Decline benchpress จะดีกว่าครับ ( คือซื้อแยกออกมาอีกตัวหนึ่งเลย ) คือให้มีเตียงสองตัว คือ เตียงตัวที่ 1 เป็นแบบปรับหัวขนานพื้นได้ และปรับหัวสูงได้เท่านั้น เตียงตัวที่ 2 เป็นแบบปรับหัวต่ำได้ ( ส่วนจะปรับให้ขนานพื้นได้ และปรับหัวสูงขึ้นได้ด้วยหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นครับ ซื้อแบบไหนก็ได้ คือจะเป็นเพียงปรับหัวต่ำแบบตายตัวเหมือนในภาพข้างบนนี้ก็ได้ หรือจะเป็นแบบปรับได้สามระดับก็ได้ คือสูง ,กลาง และต่ำ ) หวังว่าคำแนะนำในการเลือกซื้อเตียงยกน้ำหนักของผมในครั้งนี้ คงให้ประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ ไม่ต้องเอาความรู้ในเวบนี้ไปเถียงกับคนขายหรอกครับ เพราะคนขายเขาก็ต้องพยายามหว่านล้อมให้คุณซื้อเตียงยกน้ำหนัก แบบที่ผมไม่แนะนำแน่ๆ ( เพราะมันขายไม่ออก ) / เดินไปดูที่ร้านขายเตียงยกน้ำหนักแบบเงียบๆ แล้วใช้หลักพิจารณาของผมก็พอครับ ไม่ต้องไปฟังคนอื่น แล้วคุณจะไม่เสียใจภายหลังครับ สำหรับเตียงยกน้ำหนักนั้น จะมีอยู่สามแบบคือ 1.ไม่มีที่บริหารกล้ามขาเลย 2. มีแต่ที่บริหาร กล้ามด้นขาด้านหน้า ในท่า Leg Extension เพียงอย่างเดียว 3. มีที่บริหารกล้ามต้นขาทั้งด้านหน้าและ กล้ามต้นขาด้านหลัง ( แบบที่เห็นในภาพข้างล่างนี้ ) ซึ่งผมแนะนำให้ซื้อแบบที่ 3 นี้ครับ |
![]() |
( ภาพบน ) ต้องมีที่บริหารกล้ามขาด้านหลังติดมาด้วย |
( ภาพบน ) เวลาที่เราพูดถึงการบริหารกล้ามขา เรามักจะคิดถึงแต่การบริหาร กล้ามต้นขาด้านหน้า โดยที่เรามักหลงลืมการบริหาร กล้ามต้นขาด้านหลัง ซึ่งมันจะผิดหลักการเพาะกายเป็นอย่างมาก เพราะว่ามันจะขาดความสมดุลไป เราจึงจำเป็นจะต้องมีที่บริหารกล้ามต้นขาด้านหลังด้วย ดังนั้นเวลาเลือกซื้อเตียงยกน้ำหนัก เราก็จะต้องเลือกแบบที่มีที่บริหารกล้ามต้นขาด้านหลังติดมาด้วย เหมือนที่เห็นในภาพข้างบนนี้ |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 ตัว" |
( ภาพบน ) ผมมองดูใน Shopee แล้ว เห็นว่าเตียงรุ่นข้างบนนี้ใกล้เคียงกับสเปคของผมมากที่สุดครับ ราคาก็สองพันกว่าๆ ตัดใจซื้อเลยครับ เพราะว่าอุปกรณ์ตัวนี้มันสำคัญจริงๆครับ สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เลยครับ |
อันดับ 2 - บาร์เบลล์คานยาว ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
( ภาพบน ) อุปกรณ์ที่สำคัญอันดับที่ 2 ที่ต้องมีคือบาร์เบลล์แบบยาวครับ ที่ต้องเน้นว่าเป็น "แบบยาว" ก็เพราะว่ามันจะมีบาร์เบลล์แบบสั้น และบาร์เบลล์หยัก ( หรือที่เรียกว่า EZ - Bar ) อีก / คือว่าจริงๆแล้วก็ต้องซื้อให้ครบทุกอันแหละครับ แต่ว่าตอนนี้เราเรียงลำดับความสำคัญ และงบประมาณของเราก่อน เพราะเดี๋ยวเราจะต้องซื้อแผ่นน้ำหนักและดัมเบลล์ด้วย ดังนั้น ถ้ามาซื้อบาร์ให้ครบทั้ง 3 อัน เดี๋ยวเงินหมดก่อน ไม่สามารถซื้อแผ่นน้ำหนักและดัมเบลล์ได้ครับ สรุปว่าตอนนี้ซื้อบาร์เบลล์แบบยาวในภาพข้างบนนี้ก่อนนะครับ บาร์เบลล์ยาวนี้ ใช้คู่กับเตียงยกน้ำหนักเพื่อบริหารกล้ามหน้าอกในท่า Benchpress , ใช้บริหารกล้ามต้นขาด้านหน้าในท่า Squats , ใช้บริหารกล้ามบ่าในท่า Behind The Neck Barbell Press และท่า Military Press |
อันดับ 3 - แผ่นน้ำหนัก ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือแผ่น 2.5 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 แผ่น" |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ เลือกไปที่แผ่น 5 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 แผ่น" |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือแผ่น 8 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 แผ่น" |
( ภาพบน ) จริงๆแล้ว มันจะต้องซื้อแผ่นน้ำหนัก 20 กก.อีก แต่ในช่วงแรกที่เริ่มเพาะกายนั้น ร่างกายยังไม่แข็งแรงมากพอที่จะใช้แผ่นน้ำหนัก 20 กก.ได้ ดังนั้นถ้าซื้อแผ่นน้ำหนัก 20 กก.ในช่วงนี้ มันก็จะเอาไปวางไว้เปล่าๆนะครับ เอาเป็นว่าเมื่อร่างกายแข็งแรงมากขึ้น และเก็บเงินได้มากพอ เราก็ค่อยซื้อแผ่น 20 กก.แล้วกันนะครับ เพราะว่าตอนนี้เราต้องประหยัดเงินไว้ก่อน คือซื้อแค่แผ่นน้ำหนักข้างบนก่อน เพราะเดี๋ยวเราจะต้องซื้อดัมเบลล์อีกน่ะครับ |
อันดับ 4 - ดัมเบลล์ ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือดัมเบลล์หนัก 3 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 อัน" |
( ภาพบน ) ดัมเบลล์ขนาด 3 กก.นี้สำคัญมากนะครับ เพราะก่อนบริหารร่างกายทุกครั้งนั้น เราจะต้องวอร์มดัวยดัมเบลล์ที่เบาๆก่อน แม้ว่าเราจะบริหารร่างกายมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ทุกครั้ง เราก็ต้องเริ่มด้วยการวอร์มด้วยดัมเบลล์ขนาด 3 กก. ก่อน "ทุกครั้ง" ครับ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะร่างกายแข็งแรงขนาดไหนก็ตาม บริหารมาที่ปีแล้วก็ตาม เราก็ต้องพึ่งดัมเบลล์ขนาด 3 กก.เพื่อใช้ในการวอร์ม "ทุกครั้ง" ครับ |
|
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือดัมเบลล์หนัก 8 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 อัน" |
( ภาพบน ) ดัมเบลล์ขนาด 8 กก. นี้ใช้บรืหารไบเซบ , ไทรเซบ / บริหารกล้ามบ่า , กล้ามหัวไหล่ / บริหารต้นขาด้านหน้าในท่า Dumbbell Lunge ที่ให้ซื้อรุ่นข้างบนนี้เพราะว่ามันจะได้เข้าเซทกันกับดัมเบลล์ขนาด 3 กก.ที่อยู่ด้านบนครับ |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือดัมเบลล์หนัก 15 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
( ภาพบน ) ในน้ำหนักดัมเบลล์ข้างบนนี้ ผมขอเน้นนะครับว่าให้ซื้อแค่ "1 อัน" เท่านั้น ( ไม่ต้องซื้อเป็นคู่นะครับ ) ดัมเบลล์ขนาด 15 กก.นี้ เอาไว้บริหารท่า One - Arm Dumbbell Row นะครับ เพราะว่าน้ำหนักขนาด 9 กก.( ที่อยู่ด้านบน ) มัน "เบาไป" เราจำเป็นต้องมีดัมเบลล์น้ำหนักขนาด 15 กก.เอาไว้ "1 อัน" ครับ * * * ตอนนี้อุปกรณ์หลักๆที่ต้องซื้อก็พร้อมแล้วนะครับ พร้อมที่จะเล่นกล้ามตามหลักวิชาการได้แล้ว ส่วนรายการข้างล่างต่อไปนี้ จะเป็นรายการที่ "เสริม" เข้ามานะครับ คือถ้ามีงบประมาณเพิ่มเข้ามาอีกเมื่อไร ก็ค่อยซื้ออุปกรณ์จข้างล่างนี้ตามลำดับต่อไปเลยครับ |
|
เลเวล 2 |
ในการซื้ออุปกรณ์เลเวล 2 นี้ มันไม่สำคัญเท่าเลเวล 1 นะครับ ยังไม่ต้องเร่งรีบซื้อเหมือนเลเวล 1 ครับ ให้ค่อยๆเก็บเงินสะสมเงินไป และในระหว่างนั้นเราก็บริหารด้วยอุปกรณ์ในเลเวล 1 ไปเรื่อยๆครับ เมื่อกล้ามเนื้อทั่วร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว และเงินที่เก็บสะสมมา มันเป็นก้อนขึ้นมาแล้ว เราก็ค่อยเอาเงินนั้นมาซื้ออุปกรณ์เลเวล 2 ข้างล่างนี้ตามลำดับครับ ถ้าเงินหมด เราก็หยุดไว้ที่ลำดับนั้นก่อน ถ้ามีเงินเพิ่มเข้ามาอีก ก็ค่อยซื้อของในลำดับต่อไปครับ เอาล่ะเรามาดูกันเลยครับ |
อันดับ 5 - แผ่นน้ำหนัก ขนาด 10 กก. ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ คือแผ่น 10 กก. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "2 แผ่น" |
( ภาพบน ) หลังจากบริหารมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนกล้ามหน้าอกเราเริ่มแข็งแรงแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมีแผ่นบาร์เบลล์หนัก 10 กก.เพื่อใช้ในการบริหารกล้ามหน้าอกด้วยท่า Bench Press และบริหารกล้ามหลังด้วยท่า Barbell Row แล้วนะครับ |
อันดับ 6 - ที่ดึงข้อและที่ดันข้อในอุปกรณ์้เดียวกัน ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 ตัว" |
( ภาพบน ) จริงๆแล้ว ผมเคยอธิบายข้อดีของอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้แล้ว ที่ ลิงก์นี้ ลองคลิกเข้าไปดูนะครับ แต่ว่าผมมีข้อคิดเพิ่มเติมดังนี้นะครับ |
![]() |
( ภาพบน ) เวลาที่เลือกซื้ออุปกรณ์ข้างบนนี้ มันจะมีทั้งแบบที่มีคานเหล็กและเบาะตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ และแบบที่ไม่มี ซึ่งผมแนะนำว่าให้คุณเลือกแบบที่ “ไม่มี” คานเหล็กและเบาะตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้นะครับ เหตุผลข้อแรกก็คือมันทำให้ราคาถูกลง และเหตุผลข้อที่สองคือ เวลาเอาอุปกรณ์นี้ไปบริหารหน้ากระจก มันจะได้ไม่มีคานเหล็กและเบาะมาบังสายตาครับ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
( ภาพบน ) ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เราบริหารท่า Upright Row แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ "หน้ากระจก" มันจะได้ไม่มีเบาะและคานเหล็กมาบังสายตาเงาสะท้อนของตัวเราบนกระจก เรื่องกระจกนี้มีความสำคัญนะครับ ถ้าคุณเพาะกายจนเคยชินแล้ว คุณจะรู้เลยว่าเวลาที่บริหารร่างกาย นักเพาะกายมักจะใช้กระจกเพื่อมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกนั้น แล้ว “เพ่งสมาธิ” ไปที่กล้ามเนื้อส่วนที่กำลังบริหารอยู่ อย่างเช่นเวลาบริหารท่า Upright Row แบบในภาพข้างบนนี้ นักเพาะกายก็จะ “เพ่งสมาธิ” ไปที่กล้ามหนอกคอ หรือ ทราปิเซียส ด้านบน ในเงาสะท้อนของตัวเราที่อยู๋ในกระจกนะครับ ด้วยเหตุผลนี้ มันจึงเป็นการดีที่เราจะเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ไม่มีเบาะและคานเหล็กที่มันจะมาบังสายตาของเรา ที่จะมองไปที่เงาสะท้อนของตัวเราที่อยู๋ในกระจกนั่นเองครับ |
อันดับ 7 - คานขนาด 150 ซม. ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - บาร์เบลล์ขนาด 150 ซม. แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
อันดับ 8 - EZ - Bar ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - EZ-Bar แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
อันดับ 9 - เตียงซิทอัพ ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - เตียงซิทอัพ แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
อันดับ 10 - ขาตั้งบาร์เบลล์ขนาดสูงเท่าหัวเข่า ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - ขาตั้งบาร์เบลล์ แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 อัน" |
![]() |
จังหวะที่ 1 ( ภาพบน ) |
![]() |
จังหวะที่ 2 ( ภาพบน ) |
( ภาพบน ) เวลาบริหารท่า Barbell Shrugs แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ "ธรรมชาติ" ของท่านี้ก็คือ ต้องใช้น้ำหนักบาร์เบลล์ที่ หนักมากๆ เท่านั้น คราวนี้ ถ้าเราจะต้องยกบาร์เบลล์ ( ที่หนักมากๆ ) อันนี้ขึ้นจากพื้น เราก็ต้องก้มตัวมากๆ ซึ่งเสี่ยงกับอาการเจ็บที่หลังส่วนล่างได้นะครับ แต่ถ้าเรามีที่ตั้งบาร์เบลล์ขนาดสูงเท่าหัวเข่าอันนี้ล่ะก็ บาร์เบลล์ก็จะถูกวางไว้ที่ระดับหัวเข่าของเรา เมื่อเราจะหยิบบาร์เบลล์ขึ้นมาบริหาร เราก็ไม่ต้องก้มตัวอะไรเลย แค่ “ย่อเข่า” ลงไป ก็สามารถหยิบบาร์เบลล์ขึ้นมาบริหารได้แล้ว ทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงกับอาการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่างเลยครับ ( ถ้าคุณบริหารร่างกายท่านี้บ่อยๆ คุณจะรู้ซึ้งถึงปัญหาข้อนี้ดีครับ - ดังนั้น การมีอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำให้ปัญหานี้หมดไปครับ ) |
อันดับ 11 - ถุงมือเปลือยปลายนิ้ว ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - ถุงมือเปลือยปลายนิ้ว 65 บาท แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 คู่" |
อันดับ 12 - เข็มขัดฝึก ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - เข็มขัดฝึก 80 บาท แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 เส้น" |
( ภาพบน ) ผมทำเรื่องเข็มขัดฝึกข้างบนนี้เอาไว้แล้วครับ คลิกอ่านได้ที่นี่ครับ |
อันดับ 13 - กระจกตั้งพื้นแบบเต็มตัว ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() |
คลิกที่ภาพข้างบนนี้ - กระจกตั้งพื้นแบบเต็มตัว แล้วสั่งซื้อเลยครับ "1 บาน" |
เอาล่ะครับ รายการที่ผมแนะนำให้ซื้อก็หมดแค่นี้แล้ว อุปกรณ์ที่ซื้อทั้งหมดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการเล่นกล้ามที่บ้านนะครับ ถ้าวันไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็ไปที่โรงยิมเพื่อบริหารด้วยอุปกรณ์แปลกๆได้นะครับ ไม่ได้บังคับว่าจะต้องบริหารด้วยอุปกรณ์ที่บ้านเพียงอย่างเดียว |
![]() ![]() ![]() |
- จบ - |
![]() |