-  หน้า 3  -


 

เพาะกายคืองานอดิเรกที่พาไปอวดนอกบ้านได้
         งานอดิเรกของคนเรามีหลากหลาย บ้างก็เลี้ยงปลาคราฟ บ้างก็ปลูกบันไซ ไม้แคระ หากคุณทุ่มเท เอาใจใส่เสียหลายปีจนปลาคราฟของคุณสวยที่สุดหรือไม้แคระของคุณดูดีที่สุด  แต่คนที่จะดีใจและทึ่งก็คงมีแต่คนในบ้าน หรือไม่ก็เพื่อนสนิทที่มาเที่ยวบ้านเท่านั้น ไอ้ครั้นจะพกไปไหนมาไหนเพื่ออวดคนอื่นทุกวัน ก็ดูจะผิดปกติ  แต่ถ้างานอดิเรกของคุณ แทนที่จะเพาะต้นไม้ คุณสนใจเพาะกายแทน  ความแตกต่างจะเกิดขึ้นทันที เพราะเมื่อคุณปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในชีวิตประจำวัน มันจะไปกับคุณด้วยตลอด เป็นการอวดงานอดิเรกของคุณให้คนอื่นเห็นได้อย่างแนบเนียนที่สุด  เพาะกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คุณเป็นที่สะดุดตา โดดเด่นกว่าคนอื่น ตลอดเวลา ไม่จำกัดว่าจะอยู่ในอิริยาบถและสถานที่ใดๆ นั่งทานข้าวในโรงอาหาร โหนรถเมล์  เดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า  นั่งพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ในที่ทำงาน แม้กระทั่งนัดพบสาวครั้งแรก หล่อนก็จะรู้สึกอบอุ่นว่าคู่ควงของเธอ แม้แต่จิ๊กโก๋ ยังไม่กล้าสบตาเลย ไม่มีอะไรจะเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้วครับ 


 


 

  ความอ้วน?

         ไม่ว่าสาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนมาจากอะไรก็ตาม จงอย่ายอมรับสภาพนั้น คุณสามารถทำให้มันลดลงได้ ขอเพียงแต่มีใจมุ่งมั่น และบริหารอย่างฉลาด คำว่าบริหารอย่างฉลาด จะตรงข้ามกับการทำแบบโง่ๆ และการทำแบบโง่ๆ ก็คือ การอดอาหารนั่นเอง

         เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าว่า ทั้งๆที่วิ่งออกกำลังกายทุกวัน เล่นซิทอัพทุกวัน อดอาหารเช้า หรืออดอาหารเย็นทุกวัน ทานเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าลดความอ้วนได้ พยายามอย่างหนักขนาดนี้ เวลาไปเจอเพื่อนเก่าเขาก็ทักว่า "ทำไมอ้วนอย่างนี้?" ฟังแล้วน่าน้อยใจใช่ไหมครับ อยากจะบอกว่า ฉันพยายามที่สุดแล้วนะ แต่ก็ไม่มีใครถาม หรือเปิดโอกาสให้คุณแก้ตัวด้วยคำพูดอย่างนั้น เพราะคนเราตัดสินกันด้วยสิ่งที่ตาเห็นทั้งสิ้น เขาไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้หุ่นคุณลดลงกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นว่าคุณอ้วนก็คือคุณอ้วนอยู่ดี

         ในการวิ่ง ร่างกายจะเผาผลาญไขมันในช่วงที่คุณวิ่งเท่านั้น ซึ่งกินเวลาอย่างมากก็ชั่วโมงเดียว แต่การเพาะกายจะมีมัดกล้ามเนื้อเกิดขึ้นใหม่ แล้วไอ้เจ้ากล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นนี้ร่างกายจะต้องเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อนี้ตลอดทั้งวัน ยังผลให้มีการรบกวนไขมันในร่างกายตลอดเวลา ไม่ปล่อยโอกาสให้มันตกตะกอนเหมือนคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย นี่เองคือเหตุที่เราลดความอ้วนไปพร้อมกับการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา บางคนบอกให้ลดไขมันด้วยการปั่นจักรยาน หรือวิ่ง จนรู้สึกว่าน้ำหนักลงเสียก่อนจึงเริ่มเพาะกาย ความคิดนั้นไม่ถูกต้อง แท้ที่จริง คุณต้องสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาก่อนต่างหาก แล้วกล้ามเนื้อเหล่านั้น จะทำหน้าที่สลายไขมันให้เป็นพลังงานไปเอง และต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรรู้ไว้

         การซิทอัพ ทำให้หน้าท้องแข็งแรง แต่ไม่ทำให้หน้าท้องลดได้ 

         การซิทอัพ การดันพื้น ไม่ถือเป็นการเพาะกาย

         การอดอาหาร ทำให้คุณเก็บกด เมื่อถึงวันหนึ่งที่คุณทนไม่ได้ คุณจะกลับไปกินหนักกว่าเก่าเสียอีก

         หนทางเดียว ที่เป็นทางสายกลาง คือการเพาะกายให้ถูกหลัก นักเพาะกายหนัก 120 กก. เอวไม่ถึง 30 นิ้วมีมากมาย

         เมื่อเริ่มเพาะกาย คุณควรชั่งน้ำหนักอย่างมาก 3 เดือนต่อ 1 ครั้งเท่านั้น การชั่งน้ำหนักบ่อยๆ ทำให้หมดกำลังใจ น้ำหนักโดยปกติ จะลดเดือนละครึ่งกิโล ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

         ถ้าทำได้ ก็ควรแบ่งอาหาร 3 มื้อ ออกเป็น 6 มื้อ ทานแต่ละมื้อให้น้อยๆ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญได้หมด การกินมื้อใหญ่ๆ ทำให้เผาผลาญไม่ทัน จึงตกตะกอนเป็นไขมัน

         อย่าหูเบา พอคนพูดว่าวิธีอื่นดีกว่าก็หันไปทางอื่น เช่นนี้คุณจะไม่ได้อะไรเลย ขอให้เพาะกายให้ถึงที่สุดแล้วคุณจะรู้ด้วยตัวเองว่ามันดีมากขนาดไหน

 


 


เตี้ย?
           คงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า เตี้ยแล้วเล่นกล้ามจะยิ่งเตี้ย ใช่ไหมครับ ผมตอบได้เลยว่า ไม่จริงครับ ไม่เคยมีใครในประวัติการเพาะกายกว่า 300 ปีมานี้ ที่เล่นกล้ามแล้วเตี้ยลงเลย  อีกอันหนึ่งที่พูดกันบ่อยก็คือถ้าเตี้ยแล้วเล่นกล้ามไปก็น่าเกลียด อันนี้ขอให้พิจารณาดูจากรูปก่อนครับ รูปบนนี้ คือคุณ โมฮัมเมด  เบนาซีซ่า ชาวแอลจีเรีย ที่มีความสูงเพียง 5 ฟุต 3 นิ้ว ก็คือ 157.5 เซนติเมตร เขาถ่ายรูป (รูปบน) นี้ตอนอายุ 21 ปี   ซึ่งเขาคิดได้ว่า ในเมื่อพระเจ้าประทานความสูงมาให้เขาขนาดนี้ โดยเขาไม่พิกลพิการหูหนวกตาบอด แค่นี้ก็นับเป็นบุญอักโขแล้ว ทำไมจะต้องไปอิจฉาคนที่สูงกว่าเขา  สู้ทำอะไรให้คนเหล่านั้นมาอิจฉาเขาจะดีกว่า ว่าแล้วเขาก็เริ่มจับลูกเหล็กเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ 21 ปีและถ่ายรูปไว้นี่เอง จากนั้นเพียงไม่กี่ปี เรามาดูกันว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขา  

           กระจายครับ คำว่ากระจายคือ บรรดาฝูงชนทั้งหลายที่โมฮัมเหม็ดเดินผ่าน มีอันต้องรีบเปิดทางให้กับเขา ด้วยรูปร่าง ลักษณะท่าทางอันองอาจกำยำของเขา ไปที่ไหนก็มีแต่สะดุดตาของคนทั่วไป และถ้าไม่รีบหลบ อาจจะโดนโมฮัมเหม็ดเดินชนปลิวไปเลยก็ได้  เขาได้รับความนับถือจากบุคคลรอบข้าง เวลาพูดอะไรก็จะมีแต่คนฟัง เพราะคนที่สำเร็จการเพาะกายได้นั้น มันเป็นสิ่งชี้วัดถึงความมีวินัยในการฝึก และความทุ่มเท ไม่เหลาะแหละครับ ถือได้ว่าการเพาะกายได้เปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ให้กับเขาได้อย่างถาวรเลยทีเดียว ว่าแต่ว่าคุณจะยอมรับความสูงของคุณ แล้วปล่อยไปตามเวรตามกรรม โดยไม่ทำอะไรเลยหรือครับ ลองคิดดูใหม่ครับ
 
 

           ต่อให้คนที่นั่งข้างคุณ (นั่งทางด้านซ้าย) จะสูงกว่าคุณถึง 20 ซม. แต่เมื่อคุณดูรูปนี้แล้ว ถามตัวเองเลยว่าใครดูน่าสนใจกว่ากันครับ  

 


 

รูปภาพนี้ไม่ใช่ภาพหลอก!


       เรื่องอย่างนี้มีทุกวงการครับ  สมมติว่าคนที่ชื่นชอบกีฬาชนิดหนึ่ง แต่ไม่ชอบกีฬาอีกชนิดหนึ่ง ถ้ามีโอกาส "กัด" กีฬาที่ตัวเองไม่ชอบได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก็ต้องรีบคว้าไว้เพื่อลดความน่าเชื่อถือกีฬาตัวนั้นลงให้จงได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีความสุขกันตรงไหน?

       สำหรับเรื่องนี้ กีฬาเพาะกายเป็นเป้านิ่งให้โดนกัดมาตลอด สาเหตุอย่างหนึ่งก็เป็นเพราะถ้าคนหันมาเล่นกล้ามกันมากขึ้น ไอ้พวกอุปกรณ์ฟิตเนสแพงๆแบบที่เห็นตามโรงยิมหรูๆ ก็จะขายไม่ออก เพราะกีฬาเพาะกายใช้ปูนหล่อเป็นดัมเบลล์ บาร์เบลล์ หรือไม่ก็เอาเตียงไม้มาต่อๆกัน ก็เล่นได้แล้ว  หรือถ้าจะลงทุนซื้อเตียง ,บาร์เบลล์ ดัมเบลล์หน่อย ก็ซื้อครั้งเดียวเล่นกันได้ 20 - 30 ปี พาธุรกิจขายอุปกรณ์ฟิตเนสเจ้งกันพอดี  จึงต้องหาทาง Dis credit ให้จงได้

       ก็มาถึงคิวคำครหา "นักกล้าม มันก็มีแต่กล้ามโป่งๆออกมา มันไม่ได้แข็งแรง แข็งแกร่ง อาไรร๊อก" แล้วไอ้คนที่มันถูกฝังหัวมาอย่างนี้ เพื่อนมันคงให้ดูรูปในนิตยสารมัสเซิลแม็ก ฉบับเดือน เมษายน 2552 ตามรูปข้างบน มันก็อดรนทนไม่ได้ เขียนจดหมายไปด่านิตยสารนี้ แปลเป็นไทยได้ยังงี้ครับ  "ไอ้นิตยสารเฮงซวย มันจะเป็นไปได้ยังไงที่แจ็คสัน (ในภาพข้างบน) จะบริหารท่า Seatd front raises (เหมือนท่า ALTERNATE DUMBBELL FRONT RAISE แต่ใช้การนั่ง) ด้วยดัมเบลล์น้ำหนักลูกละ 120 ปอนด์ (ตกลูกละ 54.54 กก.) บริหารเซทละ 10 ครั้ง ต่อ 1 ข้าง แกเอาดัมเบลล์อลูมิเนียม ที่ข้างในมีไส้กลวงๆมาถือไว้ แล้วให้ไอ้แจ็คสัน มันใส่ฟิลลิ่งไปที่ใบหน้าตัวเองใช่ไหม *&#$@ ..."

       สาเหตุที่นายคนนี้ พูดอย่างนี้ น่าจะมาจากคำครหาที่เคยถูกอัดหูมาว่า นักกล้ามก็คือคนที่ใส่กางเกงในตัวเดียว แล้วขึ้นไปยืนรำบนเวที น่าไม่อาย แล้วยังมีลักษณะตัวอ้วนๆบวมๆ กล้ามใหญ่ได้ก็เพราะใช้สเตอรอยด์ กล้ามที่ใหญ่นั้น ข้างในเป็นลม จริงๆแล้วไม่มีเรี่ยวแรง   ดังนั้น พอนายคนนี้ มาเห็นรูปแจ็คสัน บริหารโดยใช้ข้อต่อเล็กๆตรงหัวไหล่ สามารถยกวัตถุที่หนักเท่ากับข้าวสารขนาด 5 กก.จำนวน 10 ถุง ยกขึ้นไปตรงๆข้างหน้า (อย่างในรูป) แล้วไม่ใช่ทำแค่ครั้งเดียว ดันทำได้ข้างละ 10 ครั้งเข้าไปอีก อย่างนี้ มันยากเกินจะทำใจยอมรับได้ว่าการเพาะกาย เป็นกีฬาที่ทำให้คนแข็งแกร่งจริงๆ  นายคนนี้เลยเกิดอาการประสาทกินแล้วเขียนจดหมายมาด่านั่นเอง

       ภายหลังทางนิตยสารได้เขียนจดหมายลงประกาศลงในนิตยสารเล่มถัดมา เพื่อให้คนอื่นอ่านพร้อมๆกันเลยว่า  ภาพที่ถ่ายทั้งหมดนี้ เป็นภาพถ่ายจริง และคุณแจ็คสันก็บริหารอย่างนี้เป็นประจำ ทางนิตยสารขอท้านายคนที่เขียนจดหมายมาต่อว่านี้  ให้ไปดูด้วยกันที่โรงยิมกันเลย  แล้วจะให้ลองจับดัมเบลล์คู่นี้ดู แล้วหลังจากจับดูจนเชื่อแล้วว่าเป็นข้างละ 120 ปอนด์จริงๆ เขาก็จะให้แจ็คสัน บริหารท่านี้ต่อหน้านายคนนี้ แล้วจะถ่ายรูปลงนิตยสารอีกครั้ง

       การที่นายคนนี้ คิดอย่างนี้ (ว่านักกล้ามคือลูกโป่ง ที่มีแต่ลมในกล้ามเนื้อ แต่ไม่มีเรี่ยวแรง) นั้น เมื่อใช้การแกะรอย หรือสมมติฐาน พอจะเดาได้ว่าในกีฬาที่เขาเล่นอยู่นั้น ต้องมีลูกน้ำหนักมาเกี่ยวข้อง เขาถึงพูดได้ว่า "เป็นไปไม่ได้" เพราะเขาเองต้องเคยยกด้วยท่านี้มาก่อน แต่ทำไม่ได้ ถึงได้พูดแบบนี้  แค่นี้ก็รู้แล้วว่านายคนนี้ต้องเป็นนักฟิตเนสเป็นแน่ เพราะถ้าเขาเป็นนักกีฬาเพาะกาย  เขาจะต้องรู้ว่าเรื่องราวของนักเพาะกาย มีแต่เรื่องแปลกๆใหม่ๆ ให้ประหลาดใจได้ทุกวัน เช่นนักเพาะกายสามารถกินไข่วันละ 70 กว่าใบ อาทิตย์ละ 7 วันได้ ,นักเพาะกายมีต้นขาข้างหนึ่ง (แค่ข้างเดียวนะครับ) มีขนาดใหญ่กว่าเอวทั้งหมดของตัวเองได้ , ความกว้างของบ่านักเพาะกาย สูงมากกว่าครึ่งหนึ่งของความสูงของตัวเองได้ ,นักเพาะกายบริหารโดยใช้ดัมเบลล์ลูกละ 50 กว่ากิโลยกขึ้นไปข้างหน้าตรงๆได้เป็น 10 ครั้ง (เหมือนในภาพนี้) ได้ ฯลฯ   ความคิดของคนพวกนี้คือ กีฬาฟิตเนส เป็นกีฬาที่ดีเลิศ กล้ามเนื้อหัวใจและปอดแข็งแกร่ง มัดกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนพวกเพาะกายคือพวกที่อยู่ในความฝัน ,ใช้สเตอรอยด์ แล้วเดินเต๊ะจุ้ยไปวันๆ จริงๆแล้วไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เห็น

       แต่ผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่า  กีฬาเพาะกายคือกีฬาที่สร้างความแข็งแกร่งให้คุณได้จริงๆ  ถ้าคุณมีรูปร่างที่ผอมกระหร่อง โดนเพื่อนแกล้ง ผลักอกทีเดียวล้มกลิ้งไม่เป็นท่า อย่ามัวแต่นั่งเสียน้ำตาเจ็บใจอยู่เลย  มาเพาะกายกันดีกว่า เพราะนอกจากกีฬาเพาะกายจะทำให้คุณตัวใหญ่จนน่าเกรงขามแล้ว  มันจะทำให้ร่างกายคุณ แข็งแกร่งดุจเหล็กไหล อีกด้วย พละกำลังคุณจะเพิ่มมามหาศาล  ก็ลองนึกถึงดัมเบลล์ในภาพข้างบนแล้วกัน หนักลูกละ 54 กิโลกว่าๆ เขายกสองข้าง ก็รวมแล้วเป็น 108 กิโลกรัม แล้วไม่ใช่ยกแค่ครั้งเดียว เขายกกัน 10 ครั้งสบายๆ แล้วก็อยากจะรู้นักว่า ไอ้น้ำหนักตัวของคนที่เคยมาแกล้งผลักอกคุณนั้น มันจะหนักถึงร้อยกิโลกรัมไหม  ถ้าไม่
! ุณมาเล่นกล้ามให้เจ๋งๆ แล้วกลับไปจับคอเสื้อมันยกขึ้นให้เท้ามันลอยเหนือพื้นเลยดีไหมครับ?

(ไม่ได้สอนให้นิยมความรุนแรง แต่สอนให้เอาความเจ็บใจมา "ซุ่ม" ฝึกยกลูกดัมเบลล์บาร์เบลล์จนแข็งแกร่ง แล้วกลับไปแสดงพลังให้มันเห็น  เพื่อที่มันจะได้จำใส่กระโหลกหนาๆของมันบ้างว่า เวลาโดนผู้ที่แข็งแกร่งกว่า กระทำกับตัวเองบ้าง จะรู้สึกอย่างไร)


 


 

ราชสีห์ในกลุ่ม จะมีแค่ตัวเดียวเท่านั้น!

ให้น้ำเชื้อ และให้ความคุ้มครองแก่เพศเมียทั้งหลายที่ตัวเองดูแลอยู่
 
ตัวผู้อื่นที่จะอยู่ร่วมกันได้ จะต้องเป็นเพียง "บริวาร" ของราชสีห์เท่านั้น
มิอาจตีตัวเทียบเท่าราชสีห์ได้

       ราชสีห์เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าตัวอื่นๆในกลุ่ม  เป็นเพศผู้เพียงตัวเดียวในกลุ่มเท่านั้น หากแม้นมีลูกชายเกิดมา เมื่อโตขึ้น ก็จะต้องแยกกลุ่มออกไป ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้  ถ้าอยู่ก็ต้องโดนฆ่าทิ้ง  นั่นเพราะราชสีห์ต้องคงหลักความเป็น "ตัวผู้" และความเป็น "ผู้นำ" ไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

       ถ้าท่านไม่กล้าเป็นผู้นำ ไม่กล้าเป็นผู้ที่ดูดีที่สุดในกลุ่ม  ก็จงยอมไปเป็น "ตัวเมีย" ให้ราชสีห์คุ้มครองเสียดีกว่า  แต่หากท่านอยากดูสง่า  อยากดูดีที่สุดในกลุ่ม ท่านจะต้องบำเพ็ญเพียร สร้างร่างกายให้แข็งแกร่งเพื่อ  "ฆ่า" ตัวผู้ตัวอื่นในกลุ่มนั้นลงเสีย แล้วขึ้นเป็นราชสีห์แทน  แล้วทำหน้าที่ให้น้ำเชื้อกับสัตว์ตัวเมียรอบๆท่าน และคอยกำราบตัวผู้ตัวอื่นเอาไว้ให้อยู่หมัด
 

สัญชาติญาณดิบของบรรพบุรุษเรา จะทำให้เพศตรงข้ามมอง "ตัวผู้" ที่ความแข็งแกร่งก่อนเสมอ


       อย่าสะเออะไปรับปากเพศเมียเลยว่าจะดูแลปกป้องเขา  ทั้งๆที่ตัวเองผอมกระหร่อง หรืออ้วนเป็นหมูตอน  เอาตัวเองแทบไม่รอด  ผมไม่เคยโทษเลยว่าทำไมนักกล้ามถึงดูเหมือนคนเจ้าชู้ นั่นก็เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้เขาดูเด่นขึ้นมาจากคนรอบข้าง ดั่งราชสีห์ที่มีตัวเดียวในฝูง  และนั่นย่อมส่งผลให้เพศตรงข้าม รู้สึกถึงเทสทอสเทอโรน  ฮอร์โมนเพศชายอันพุ่งพล่านอยู่ในตัวของเขา  จึงยากที่จะหักห้ามใจคิดไปไกลเตลิดเปิดเปิง เพียงแต่ด้วยกรอบสังคม ทำให้มิอาจเดินมาพูดกับคุณตรงๆได้  จึงได้แต่แอบมองเพื่อรอโอกาสเข้าใกล้เท่านั้น
 

ราชสีห์ไม่จำเป็นต้องหล่อ ,ไม่จำเป็นต้องสูง ขอให้เพียงฉีกเนื้อคู่ต่อสู้ได้เป็นชิ้นๆเท่านั้น


       คำว่า "ฉีก" คำว่า "ฆ่า" ที่ผมใช้ในที่นี้ เป็นเพียงคำอนุมาน  มันหมายถึง การมุนานะสร้างมัดกล้าม เพื่อไปบดบังรัศมีคนรอบข้างคุณ ซึ่งมันก็เหมือน "ฆ่า" คนๆนั้นให้ตายทั้งเป็น   ไม่ต้องสนใจหรอกว่าคุณจะเกิดมาสูง ,ต่ำ ,ดำ ,ขาว หล่อน้อย หล่อมาก  ราชสีห์จะไม่เสียเวลาคิดหรือสนใจกับสิ่งที่มันติดตัวมาอยู่แล้ว  แต่จะตั้งใจลับเขี้ยวตัวเองอยู่เป็นนิจ  คุณก็เช่นกัน  จงบำเพ็ญเพียรสร้างมัดกล้าม ยิ่งคุณมีมัดกล้ามมากขึ้น ระดับฮอร์โมนเพศชายในตัวคุณก็จะมากขึ้นตามไปด้วย  คุณจะยิ่งมีสัญชาติญานดิบของราชสีห์อยู่ในตัว   ลองมองภาพข้างบนแล้วคิดว่า คุณจะกล้าจ้องตาราชสีห์ตัวนี้ไหม ถ้ามันมานั่งอยู่ข้างๆคุณ   ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น  ถ้าคุณสร้างร่างกายคุณจนกำยำแข็งแกร่งด้วยความอุตสาหะ  ไอ้พวกขี้ยาหรือเด็กเมื่อวานซืนทั้งหลายก็ไม่กล้ามองตาคุณตรงๆ   และคุณก็อาจจะต้องมีภารกิจเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือต้องเข้าไปอยู่ในจินตนาการของสาวๆรอบตัวคุณในขณะที่เขาทำอะไรบางอย่าง...

       จงเชื่อ.. จงอย่าได้เคลือบแคลงใจ... ผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงจุดที่ราชสีห์ยืน  แต่ผมเคยยืนอยู่ในจุดที่ "โดนฆ่า" ต่างหาก ผมถึงบอกความรู้สึกได้ว่าคนที่ "โดนฆ่า" มันเป็นอย่างไร  ย้อนหลังกลับไปเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ผมยังจำได้แม่น วันนั้นเป็นวันเสาร์  ผมในฐานะนักเรียนนายร้อยตำรวจ สูง 170 ซม. (บัตรประชาชนเป็น 174 ซม.นะ) หน้าตาพอใช้  อนาคตไกล  แถมเล่นกล้ามมาแล้วถึงสองปี มีกล้ามขึ้นจนโชว์ชาวบ้านได้  ก็เลยไปถอดเสื้อเล่นกล้ามอยู่ที่สวนลุมพินี  ตอนนั้นมันมีที่ออกกำลังอยู่แถวหน้าห้องน้ำ  เวลามีสาวๆจะเดินเข้าห้องน้ำ ก็ต้องผ่านตรงที่ผมเล่นกล้าม ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นเวลาประมาณ 10.00 น.

       แรกๆก็มีแต่ผมคนเดียวที่ดูหนุ่มแน่น มีมัดกล้าม นอกนั้นข้างๆก็จะมีพวกอ้วนๆ แก่ลงพุง มันเลยยิ่งทำให้เราดูเป็นราชสีห์ขึ้นมาทีเดียว  แต่อย่างหนึ่งที่รับรู้คือ ไม่เห็นมีใครเดินมาถามเลยว่า คุณเป็นนักเรียนนายร้อยหรือ? หรือว่าคุณนามสกุลอะไร? หรือว่าที่บ้านคุณรวยมากไหม? เรียนเก่งไหม? เป็นหมอเหรอ? เป็นนักกีฬาบาสของมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?  สัจธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ถึงผมจะเป็นอะไรที่ผมอยากโชว์มาทั้งหมด ก็ไม่มีใครเดินมาถามเลย  นั่นหมายความว่าเมื่อคุณอยู่ในสังคมร่วมกับคนที่คุณไม่รู้จัก   เขาจะมองคุณด้วยสายตาที่มองเห็นเท่านั้น ไม่มีใครสนใจประวัติของคุณหรอก  ดังนั้น ถ้าอยากเด่น ก็ต้องทำกับสิ่งที่เขาเห็นเท่านั้น ก็คือสร้างกล้ามให้ไปทิ่มลูกตาเขานั่นเอง   เดี๋ยวครับ ..ย้อนกลับมาเรื่องที่ผมกำลังเป็นราชสีห์ต่อ

      
ล่นไปได้ครึ่งชั่วโมง กล้ามเนื้อกำลังพองสวยงามเลย    มีผู้ชายคนนึ่ง เตี้ยกว่าผมเป็นสิบเซ็นได้ (หรือมากกว่าด้วยซ้ำ) เดินถอดเสื้อมา ใส่ยีนส์รัดรูป  กล้ามก็ไม่ชัดเท่าไร จำได้ว่ามองไม่ค่อยเห็นกล้ามท้องด้วยซ้ำ  แต่ขนาดต้นแขน กับขนาดหน้าอกนี่สิ ใหญ่และเต่งตึง โค..ต..ร  คงไปปั้มตรงมุมไหนของสวนสาธารณะมาก่อน  แล้วเดินมาตรงนี้เพื่อ"ฆ่า" ผมโดยเฉพาะ   ผมตอนนั้น ซึ่งกำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นราชสีห์อยู่ดีๆ มาถึงตอนนี้เหมือนโดนราชสีห์อีกตัวซึ่งแข็งแรงกว่ากัดกระชากเป็นชิ้นๆ  ความมั่นใจก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง รีบเอาเสื้อกล้ามมาใส่เพื่อปิดรูปร่างตัวเองทันที  จากนั้นก็กุลีกุจอเก็บอุปกรณ์ที่เอามาด้วยเข้ากระเป๋า แล้วรีบเดินจากมาทันที แต่ก็ยังแอบชายตามองโดยไม่ให้เขารู้ตัว เพราะมันอดมองกล้ามหน้าอกกับต้นแขนหมอนี่ไม่ได้จริงๆ..

       นั่นคือความรู้สึกของเพศผู้ กับเพศผู้ด้วยกัน ที่ต้องยอมหลบหลีกให้ตัวที่แข็งแรงกว่าแต่โดยดี    ส่วนความรู้สึกของเพศเมียที่มีต่อเพศผู้ที่แข็งแกร่งนั้น ผมก็ไม่ได้คิดเอาเองเช่นกัน แต่ผมจะลองให้คุณมองมุมกลับกันอย่างนี้    สมมติว่าคุณผู้ชายนั่งอยู่ที่ห้างหรูๆสักที่หนึ่ง แล้วคุณเห็นสาวที่ใส่เสื้อรัดรูป หน้าอกหน้าใจสุดยอด  เอวกิ่ว สะโพกผาย ขาเรียวยาว อันเป็นลักษณะเด่นของผู้หญิงที่คุณอยากมีอะไรด้วยเลย....  เดินผ่านมา  คุณจะกล้าเข้าไปบอกเขาไหมล่ะว่าผมอยากมีอะไรกับคุณน่ะครับ..  ไม่กล้าใช่ไหม ต้องเก็บเอาไว้ในใจใช่ไหม นั่นไง คำตอบ    ตัวผู้หญิงเองก็ไม่รู้ว่าไปทรมานใจชายอะไรขนาดนั้น ก็เพราะไม่มีใครกล้าไปพูดกับเธอ  ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น มองมุมกลับ ถ้าคุณมีหุ่นล่ำ   กล้ามไบเซบลอดแขนเสื้อออกมาเลย ก้นแอ่นเล็กน้อยอันมาจากกาบริหารท่า
Squat ย่างหนักมา  กล้ามหนอกคอดันปกเสื้อให้สูงขึ้นจนไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆรอบข้าง  คุณคิดบ้างไหมว่าจะไปทรมานใจสาวๆที่มองเห็นขนาดไหน เพียงแต่เขาไม่กล้ามาบอกคุณเท่านั้นเอง   (เหมือนกับตอนที่คุณไม่กล้าไปบอกอะไรกับสาวเซ็กซี่ที่เห็นนั่นแหละ )  มองภาพออกหรือยังครับ ...  งานนี้ ผมไม่พูดถึงหนุ่มฟิตเนสทั้งหลายหรอกครับ กล้ามคม,ท้อง sixpack ริง แต่ใส่เสื้อแล้วก็ไม่มีใครเห็นแล้ว หรือว่าคุณจะกล้าถอดเสื้อเดินกลางห้างล่ะ..  ในสายตาผม หนุ่มฟิตเนส กับหนุ่มนักกรีฑา กับหนุ่มนักบัลเล่ ใส่เสื้อมาเดินห้างแล้ว แยกไม่ออกเลยครับ  มันต้องนักเพาะกายเท่านั้น ถึงจะเป็นราชสีห์จริง    แกร่งด้วยความมานะอุตสาหะ  แกร่งด้วยความเพียรในการบริหารร่างกาย พร้อมที่จะ "ฆ่า" ตัวผู้ที่อยู่รอบตัวให้อาสัญได้ด้วยการเดินผ่านเท่านั้น


 


 

หน้าถัดไป


 

1  <  2  <  3  >  4  >  5  >  6  >  7