อายุ 40 แต่ยังฟิต

นักธุรกิจ สร้างร่างกายให้สวยงาม
 

           อ่านเนื้อเรื่องของ นิค   สเตอร์น นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถลดขนาดเอว จาก 40 นิ้ว ลงเหลือ 32 นิ้ว ลดไขมันพร้อมกับ สร้างกล้ามเนื้อล้วนๆ ได้ในเวลาเดียวกัน  -  webmaster
 

cbusiness11.jpg


 

            นิค   สเตอร์น (รูปบน) เล่าอดีตให้ฟังว่า "ตอนที่ผมอายุยังน้อย ตอนนั้นอาศัยอยู่ที่อิลินอย เราไม่มีเครื่องออกกำลังสวยหรูเหมือนสมัยนี้ ถึงขนาดที่ว่า ต้องขโมยฝาท่อระบายน้ำ 2 อัน  มาใช้แทนแผ่นน้ำหนัก โดยใช้ไม้คานสอดแทนบาร์เบลล์  ส่วนดัมเบลล์ก็ทำเอาเอง โดยใช้กระป๋องสีมาหล่อปูนซีเมนต์ เวลาจะเล่นแต่ละที ถ้าไม่ระวังให้ดี ก็มีหวังโดนขอบกระป๋องที่เต็มไปด้วยสนิมบาดเอา ช่างมันเถอะ มีให้เล่นเท่านี้ก็ดีเหลือแหล่แล้วล่ะ"

            "ตอนที่เริ่มยกลูกเหล็กครั้งแรก ผมอายุ 13 ปี ไม่มีเงินพอที่จะซื้อเครื่องออกกำลังใดๆทั้งสิ้น ด้วยความอยากเล่นกล้ามมาก เลยต้องวางแผนร่วมกับเพื่อน ยืมฝาท่อระบายน้ำมาใช้ก่อน  น้ำหนักแต่ละแผ่นคือ 120 ปอนด์ (54 กก.)  จากนั้น เวลาที่ต้องการเล่นกล้าม ก็จะนัดแนะเพื่อนอีก 2 คนก็ไปหาที่เหมาะๆในโรงรถ เพื่อทำการบริหารท่านอนยกหน้าอก แน่นอนเลยว่าเราไม่สามารถยกคานให้ขยับได้เลย ต้องใช้วิธีให้เพื่อนช่วยกันพยุงน้ำหนักคนละข้าง ให้เบาพอที่จะยกในท่า Benchpress ได้"

            "เมื่อเราเริ่มบริหารโดยใช้น้ำหนักที่หนักขนาดนั้น มันทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้นมาก คิดดูเอาเถอะว่า ก่อนที่จะเริ่มเล่น ผมเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในชั้นเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเป็นนักเรียนรุ่นพี่ ผมก็มีแขนขนาด 17 นิ้ว น้ำหนักตัวเพิ่มจาก 54 กก. ไปเป็น 79 กก. และสามารถทำท่า Benchpress ได้ 360 ปอนด์ (163 กก.)เลยทีเดียว"

            ถ้านิคเดินตามเส้นทางของนักเพาะกาย เขาก็คงจะย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนีย บริหารอยู่ที่โกลด์ยิมในเวนิช แต่นิคกลับเปลี่ยนวิถีชิวิต ด้วยการย้ายไปอยู่ที่ฟลอริด้าแทน แต่งงาน แล้วเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ นิคอายุ 42 ปี เป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีออฟฟิศอยู่ที่คอรัลสปริง รัฐฟลอริด้า  แต่ก็มีหลายครั้งที่ยังหวลนึกถึง วันคืนที่เต็มไปด้วยสีสันสมัยที่ยังเล่นกล้ามอยู่

            นิคเล่าให้ฟังต่อว่า "ผมพยายามกลับมาเล่นกล้ามหลายครั้งหลายครา แต่ก็จะมีเรื่องธุรกิจเข้ามาสอดแทรก และดึงความสนใจไปทุกครั้ง  ย้อนกลับไปตอนที่อายุ 25 ปี ผมบริหารร่างกายกับเพื่อน และมีเด็กน้อย คริส  ดัฟฟี่ ซึ่งปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดัง น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขา  ตอนนั้นคริสเป็นเด็กตัวเล็กๆ คอยติดตามขอความรู้จากเราอยู่ตลอดเวลา ผมเดาเอาว่าคริสจะมีแววรุ่งในเรื่องเพาะกาย เพราะเด็กน้อยคนนี้ มีสไตล์การบริหารของเขาเอง ซึ่งดูป่าเถื่อนดุดัน เมื่อเขาเติบโตเป็นวัยรุ่น คริสก็ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเมื่อเขายกน้ำหนักไม่ได้ เขาจะขอให้ผมและเพื่อนช่วยตบหน้าเขา เพื่อเรียกความป่าเถื่อนออกมา"

            นิคเล่าถึงการเข้าประกวดว่า "ผมเคยเข้าประกวดในรุ่นเฮฟวี่เวท ที่สนาม Mr.Florida ราวๆปี พ.ศ.2522 ได้ที่สอง ผมก็บริหารเพื่อแข่งชันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 30 ปี ถึงได้มาคิดถึงอนาคตว่า น่าจะมีอาชีพอะไร ทำเป็นชิ้นเป็นอันเสียที นี่แหละผมจึงหันมาจับธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์"

            นิคประยุกต์ความมีวินัยในการเล่นกล้าม เอามาใช้กับการทำธุรกิจ ซึ่งมันไปได้สวยทีเดียว เขายังเล่นกล้ามไปพร้อมๆกับการทำธุรกิจ  ทำให้รูปร่างดูสง่าสวยงาม  เมื่อนิคอายุ 40 ปีและธุรกิจอยู่ตัวแล้ว นิคก็อยากเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกขึ้น

            ด้วยความมุ่งมั่น จนไม่ได้ดูว่าร่างกายจะทนได้หรือไม่ นิคทำให้ตัวเองบาดเจ็บที่หัวไหล่ ตรงนี้เองที่ทำให้ความหวังในการกลับมาสู่โลกเพาะกายของเขา ต้องหยุดชะงักลง เขาเริ่มท้อ และหยุดการเล่นกล้ามเอาเสียดื้อๆ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังปล่อยปละละเลยในการทานอาหารด้วย ประจวบกับต้องให้เวลากับธุรกิจมากขึ้น ทำให้ร่างกายเขาแย่ลงไปถนัดตา จนเมื่อปีที่แล้ว นิคมีน้ำหนักตัว 98 กก. แต่มีไขมันเสีย 22.7 เปอร์เซ็นต์ ดูเฉพาะน้ำหนักของไขมัน ก็ปาเข้าไป 22 กก.แล้ว น้ำหนักกล้ามเนื้อจริงๆมีเพียง 75 กก.  และเมื่อวัดเอว ก็พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 39 กับอีก เศษสามส่วนสี่นิ้ว

            วันหนึ่งนิคได้อ่านบทความเกี่ยวกับนักเพาะกาย ผู้ประสบความสำเร็จทั้งทางธุรกิจ และการบริหารร่างกายไปพร้อมๆกัน ทำให้ฉุกคิดได้ว่าทำไมเขาจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ขอเพียงมีความตั้งใจ และความมีวินัยอย่างที่เขาเคยทำได้ ก็เพียงพอแล้ว นิคเล่าให้ฟังว่า

            "ทันทีที่อ่านบทความจบ มันก็เหมือนกับการเหนี่ยวไกปืน บทความนั้นสร้างความกดดันให้ผม และผมก็เป็นคนประเภทที่ชอบจัดการกับความกดดันเสียด้วย มันเหมือนกับการเปิดสวิทย์ไฟขึ้นมา หลังจากปล่อยให้มันดับมาเสียหลายปี  ผมรู้ทันทีว่า ผมจะต้องทำได้ และทำได้ดี ผมจะต้องเอาชนะตัวเองให้ได้อีกครั้ง"

            นิคเล่าต่อว่า "ผมมีประสบการณ์จากที่เคยเป็นนักเพาะกายอาชีพมาก่อน  ผมจึงออกแบบตารางฝึกของผมขึ้นเอง ให้มีความหลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบการยก และโภชนาการ ผมสร้างตารางฝึก 1 ชุดใช้เวลา 12 วัน และใน 12 วันนี้ผมจะแบ่งเป็นสามวงรอบ วงรอบละ 4 วัน โดยแบ่งวงรอบเป็นดังนี้
 
  วงรอบที่ 1

            วันที่ 1  -  บริหารท่าที่ใช้การดัน อันได้แก่หน้าอก ,บ่า และหลังแขน  กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 3 ท่า แต่ละท่าจะบริหาร 100 ครั้ง (ใช้เทคนิค Rest/pause (คลิ๊กเพื่ออ่าน) เพื่อทำให้ครบ 100 ครั้ง)

            วันที่ 2  -  บริหารขา บริหารสามท่า แต่ละท่าบริหาร 100 ครั้ง

            วันที่ 3  -  บริหารท่าที่ใช้การดึง อันได้แก่ ปีกและหน้าแขน กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 3 ท่า แต่ละท่าจะบริหาร 100 ครั้ง (ใช้เทคนิค Rest/pause เพื่อทำให้ครบ 100 ครั้ง)

            วันที่ 4  -  พัก

            วงรอบแรกนี้ ผมจะลดคาร์โบไฮเดรตลง ให้เหลือแค่วันละ 60 กรัมเท่านั้น และยังทำแอโรบิคอีกวันละ 1 ชั่วโมงครึ่งด้วย  ส่วนเรื่องแครอลี่จากสารอาหารทั้งหมด  ผมจะกดให้เหลือ 70 เปอร์เซ็นต์จากมาตรฐานระดับกลาง วิธีวัดทำได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ตรวจคีโตนในร่างกายเอา หลังจาก 4 วันแรกซึ่งถือเป็นวงรอบแรกผ่านไป ผมก็จะเข้าสู่วงรอบที่สอง (ซึ่งก็คือเริ่มวันที่ 5 นั่นเอง)
 



 

  วงรอบที่ 2

            วันที่ 5  -  บริหารท่าที่ใช้การดัน อันได้แก่หน้าอก ,บ่า และหลังแขน  กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 1 หรือ 2 ท่า ผมใช้เทคนิคแบบ Heavy duty (ทำซูเปอร์เซท โดยรวมกล้ามเนื้อ Pre - exhaust (คลิ๊กเพื่ออ่าน) กับการบริหารท่าละ 1 เซทเข้าด้วยกัน บริหารจนหมดแรงในเซทนั้นๆ)

            วันที่ 6  -  บริหารขา ใช้วิธีบริหารแบบเดียวกัน

            วันที่ 7  -  บริหารท่าที่ใช้การดึง อันได้แก่ ปีกและหน้าแขน กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 1 หรือ 2 ท่า ผมใช้เทคนิคแบบ Heavy duty (ทำซูเปอร์เซท โดยรวมกล้ามเนื้อ Pre - exhaust กับการบริหารท่าละ 1 เซทเข้าด้วยกัน บริหารจนหมดแรงในเซทนั้นๆ)

            วันที่ 8  -  พัก

            วงรอบที่สองนี้ ผมจะเพิ่มการทานคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้นเป็น 2 เท่าจากวงรอบแรก ส่วนการรับแครอลี่จากสารอาหารทั้งหมด ผมจะเพิ่มเป็น 130 เปอร์เซ็นต์จากมาตรฐานกลาง และในวงรอบที่สองนี้ ผมจะไม่ทำแอโรบิคใดๆเลย  วงรอบที่สามของผม เริ่มขึ้นในวันที่ 9 ของการฝึกดังนี้คือ
 


 

  วงรอบที่ 3

            วันที่ 9  -  บริหารท่าที่ใช้การดัน อันได้แก่หน้าอก ,บ่า และหลังแขน กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 2 ถึง 3 ท่า  ผมใช้เทคนิค Pyramid (คลิ๊กเพื่ออ่าน) ด้วยการเพิ่มน้ำหนักทุกๆเซท จนเซทสุดท้ายทำได้ 4 ครั้งแล้วแรงหมดพอดี ซึ่งผมเรียกการบริหารแบบนี้ว่า การบริหารแบบสร้างมัดกล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเช่นการบริหารท่า BENCH PRESSES ด้วยน้ำหนักมากๆ การบริหารบ่าด้วยท่า PRESSES BEHIND THE NECK  ด้วยน้ำหนักมากๆเช่นกัน

            วันที่ 10  -  บริหารขา  ด้วยท่า SQUATS และ LEG PRESSES โดยใช้น้ำหนักมากๆ และบางครั้งก็อาจเพิ่มท่า LEG EXTENSIONS เข้าไปด้วย  หลังจากนั้นจะบริหารหลังขาด้วยท่า STIFF - LEGGED DEADLIFT WITH BARBELLS หรือไม่ก็ LYING LEG CURLS

            วันที่ 11  -  บริหารท่าที่ใช้การดึง อันได้แก่ ปีกและหน้าแขน กล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะบริหาร 2 ถึง 3 ท่า ใช้เทคนิคเดียวกับวันที่ 9

            วันที่ 12  -  พัก

            ในวงรอบที่สามนี้ จะมีการทำแอโรบิคบ้างเป็นครั้งคราว  โปรตีนและคาร์โบไฮเครต จะทานในอัตราส่วนที่เท่ากัน  ส่วนแครอลี่จากสารอาหาร จะลดลงให้เหลือ 100 เปอร์เซ็นต์จากมาตรฐานกลาง หลังจากปฏิบัติตามวงรอบที่สามเสร็จแล้ว ผมก็จะเริ่มวงรอบแรกใหม่ครับ"
 


            นิคพูดถึงตารางบริหารที่เขาออกแบบเองว่า "มันช่างวิเศษ และได้ผลจริงๆครับ ความแข็งแกร่งของมัดกล้ามเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก กล้ามเนื้อผมเติบโตขึ้น พร้อมๆกับการลดลงของไขมัน" นิคไม่ได้ใช้อาหารเสริมใดๆ เพราะพอใจกับรูปร่างที่เป็นอยู่ดังภาพด้านล่างแล้ว
 

cbusiness12.jpg


 

            นิคชอบทานผลไม้มากเป็นพิเศษ ได้แก่ สตอเบอรี่ ,มะละกอ ,สับปะรด ,มะม่วง ฯลฯ ในปีนี้จากการวัดขนาดร่างกายครั้งล่าสุด น้ำหนักตัว 94 กก. แต่ไขมันลดลงเหลือแค่ 14.2 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงว่าเขากำจัดไขมันออกไปได้ 13.4 กก. พร้อมๆกับทำให้กล้ามเนื้อล้วนๆเพิ่มจาก 75 กก.เป็น 81 กก. ขนาดเอวลดลงจาก 39 นิ้วมาเป็น 32 กับอีก เศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว  ขนาดหน้าอก ,แขน ,ต้นขา และน่อง เพิ่มขึ้นทั้งหมด

            นิคยังคงบริหารร่างกายต่อไป มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณไขมัน และเพิ่มกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เขาปฏิเสธที่จะคิดถึงเรื่องอายุ  และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่นิคเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับนักธุรกิจอื่นๆ ที่อ้างว่าไม่มีเวลาบริหารร่างกาย เขาเน้นว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จ ทั้งทางธุรกิจ และการบริหารร่างกาย ขอเพียงแต่มีใจมั่น และมีวินัยเท่านั้น การหาแรงจูงใจก็เป็นเรื่องหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ นิคเองก็ติดหนี้บุญคุณบทความเพาะกายที่เขาอ่านเจอในครั้งนั้น เพราะมันเป็นสิ่งกระตุ้น ให้เขาลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
 

cbusiness13.jpg


 

- END -