- หน้า 2 - 


1  <  2  >  3  >  4


       ( ภาพบน ) แทบทุกโรงแรมที่คุณไปพัก  สิ่งที่เขามักจะมีไว้ในห้องพักของคุณก็คือ เตาไมโครเวฟ




       ( ภาพบน ) อีกอย่างหนึ่งที่เขาจัดไว้ให้ก็คือ ถ้วยขนาดต่างๆ แบบที่มีฝาปิด โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้สำหรับการเวฟอาหารต่างๆในเตาไมโครเวฟ  




       ( ภาพบน ) นอกจากนี้ ก็จะมีจานสำหรับใส่อาหารที่เวฟแล้ว เพื่อความสะดวกในการตักรับประทาน  ซึ่งถ้าทางโรงแรมเขาไม่ได้จัดไว้ให้ในห้องพัก  คุณก็สามารถหาซื้อ "จานกระดาษ" จากร้านขายของชำ หรือตลาด หรืออาจขอฟรีที่ห้องอาหารของโรงแรมก็ได้ ( ถ้าเขามี และยอมให้เราฟรีๆ )




       ( ภาพบน ) แล้วก็มีมีดสั้น กับเขียง  

       บางโรงแรม อาจจะมีอุปกรณ์ให้เยอะกว่านี้  แต่ที่เอาภาพมาให้ดูทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้เห็นว่า "สิ่งที่เราจะต้องใช้" ก็มีเพียงเท่านี้นะครับ  /  เอาล่ะ เดี๋ยวเรามาเริ่มปรุงอาหารกันเลย



( ภาพบนเริ่มต้นด้วยการเทผักคะน้าหั่นสำเร็จรูปลงในชาม 





       ( ภาพบน ) ให้ทำดังนี้คือ  

       เทผักคะน้าแช่แข็งให้เต็มชาม แต่ "อย่าให้ล้นชาม" เพราะว่าเราจะต้องใช้ฝาปิด เพื่อนำเข้าไปเวฟ ( ถ้าเทผักจนล้นชาม เราจะปิดฝาไม่ได้


       อาจมีผักที่จับตัวเป็นก้อนเพราะการถูกแช่แข็งมา  ก็ให้เราใช้มือ "บิ" ให้แยกออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ( เพราะผักเขาหั่นมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว ) เหมือนที่เห็นในภาพข้างบนนี้


       ผักที่อยู่ในชามนี้ มีไว้สำหรับการทาน ใน 1 วัน ( คือต้องทานทั้งหมดภายใน 1 วัน )



 
ขอแทรกนิดนึงครับ


       ( ภาพบน ) เพื่อนสมาชิกอาจจะสงสัยว่า ที่คุณ Evan พูดว่า ผักคะน้าที่อยู่ในชามในภาพข้างบนนี้ ( ก่อนปิดฝา ) คือผักที่จะต้องทานใน 1 วัน  แล้วปริมาณผักที่เห็นในชามในภาพข้างบนนี้ มันมีปริมาณเท่าไรกัน?  หรืออาจจะเป็นคำถามว่า ขนาดบรรจุของชามที่เห็นในภาพข้างบนนี้ มีขนาดบรรจุเท่าไรกัน? 

       สำหรับคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น คุณ Evan ไม่ได้พูดเรื่องขนาดบรรจุของชามในภาพข้างบนนี้  ดังนั้น ผมจะใช้วิธีเทียบเคียงให้ดูดังนี้นะครับ


( ภาพบนภาพถุงใส่ผักตอนที่ซื้อในตลาด 


       ( ภาพบน ) เมื่อย้อนกลับไปดูที่หน้าแรก  ตอนที่คุณ Evan เดินซื้อผักคะน้าหั่นแข่แข็งมานั้น หน้าตาของห่อบรรจุ เป็นเหมือนในภาพข้างบนนี้  ซึ่งเขาเขียนไว้ว่า มีขนาดบรรจุถุงละ 1.36 กก. ( ตรงที่มี ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ )


( ภาพบนผักที่เหลืออยู่ในถุง


       ( ภาพบน ) คราวนี้ เมื่อผม Webmaster ดูในภาพวีดีโอ  ตอนที่คุณ Evan ยกผักคะน้าที่เหลืออยู่ในถุง ( หมายถึงว่า ส่วนที่เหลือจากการเทลงไปในชาม แล้วเหลือค้างอยู่ที่ถุง ) จะเห็นได้ว่า ผักที่เหลือนั้น อยู่บริเวณก้นถุง  /  และบริเวณก้นถุง ( ที่มีผักคะน้าเหลืออยู่ ) นั้น ก็คิดกะเป็นสัดส่วนได้ 1 ใน 3 ของถุง

       ก็แปลว่า ผักคะน้าที่เทลงไปในชาม คือ 2 ใน 3 ของถุง

       ก็แปลว่า ปริมาณของผักคะน้าที่อยู่ในชาม ก็คือ
1.36 กก. x 2 แล้วหารด้วย 3 =  0.9 กก.


( ภาพบนผักทั้งหมดที่อยู่ในชาม คือ 0.9 กก. 


       ( ภาพบน ) ดังนั้น ถ้าเพื่อนสมาชิกถามผมว่า ชามที่คุณ Evan ใส่ผัก ( แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) มีขนาดบรรจุเท่าไร  ผมก็ตอบได้คร่าวๆว่า จะเป็นชามที่มีขนาดบรรจุ ขนาดเท่าที่ใส่ผักคะน้าลงไปได้ 0.9 กก. นั่นเองครับ  





       ( ภาพบน ) เปิดน้ำก๊อกใส่ลงไปในชามที่มีผักนั้น ( Webmaster - คุณ Evan บอกว่าใส่ a litle bit  คือให้ใส่แค่เล็กน้อย  /  แต่ผมกะด้วยสายตาแล้ว น่าจะประมาณ "ครึ่งแก้วน้ำ" )




       ( ภาพบน ) จากนั้น ให้เอาฝาปิด และแง้มฝาไว้เล็กน้อย ( ความกว้างของการแง้ม ก็คือเท่าที่เห็นตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) เพื่อป้องกันการระเบิดของผักคะน้าที่อยู่ในชาม ( คำว่า "ระเบิด" ในที่นี้ หมายถึงเวลาที่เราเอาชามผักเข้าเตาไมโครเวฟ แล้วลืมแง้มฝา  /  ผลของการลืมแง้มฝานั้น จะทำให้เกิดการประทุของผักที่อยู่ในชาม จนกระเด็นออกมานอกชาม ทำให้ต้องเสียเวลามาเช็ดล้างเตาไมโครเวฟอีก )  




       ( ภาพบน ) เอาชามผักที่แง้มฝาเรียบร้อยแล้วนั้น เข้าเตาไมโครเวฟ แล้วตั้งเวลาการเวฟไว้ที่ 2 นาที 30 วินาที ( Webmaster - ที่ในภาพเห็นเป็น 2.24 ก็เพราะว่า คุณ Evan เขาหันมาคุยกับกล้องแล้ว เวลาก็เลยน่าจะผ่านไปประมาณ 6 วินาทีแล้ว )




       ( ภาพบน ) พอครบเวลา 2 นาที 30 วินาที ก็เอาผักออกมาจากเตาไมโครเวฟ แล้วเอาช้อนมา "คน" ผักในชามให้ทั่ว

* * * หมายเหตุ - ที่คือการ "คน" รอบที่ 1 นะครับ



( ภาพบนจากนั้น ก็เวฟผักต่ออีก


       ( ภาพบน ) หลังจากเอาผักคะน้าออกจากเตาไมโครเวฟแล้ว Evan ก็เอาช้อนมา "คน" ผักคะน้าในชามให้ทั่ว แล้วก็ปิดฝา ( และแง้มฝาไว้เล็กน้อย ) แล้วก็เอาเข้าไปเวฟต่ออีก ( Webmaster - คุณ Evan ไม่ได้บอกว่าใช้เวลานานเท่าไรในการเวฟรอบที่สองนี้  /  แต่ก็จะไม่มากกว่ารอบแรกแน่ๆครับ  /  ถ้าจะให้เดา ผมว่าน่าจะต่ำกว่ารอบแรกประมาณ 1 นาที ( เพราะคุณ Evan  ใช้สไตล์การลดเวลาแบบนี้ในการเวฟอาหารอื่นๆ ด้วย  จึงเป็นไปได้สูงว่ารอบนี้ คุณ Evan น่าจะใช้เวลาเวฟรอบสองประมาณ 1 นาที 30 วินาที )



( ภาพบน พอครบเวลาเวฟ ก็เอาผักออกมา "คน" เป็นรอบที่ 2


       ( ภาพบน ) พอเวฟจนครบเวลา Evan ก็เอาผักออกมาเปิดฝา แล้วก็ใช้ช้อน "คน" อีกรอบ  

* * * หมายเหตุ - ที่คือการ "คน" รอบที่ 2 นะครับ 



( ภาพบนจากนั้น ก็เวฟผักต่ออีกประมาณ 30 วินาที





       ( ภาพบน )  พอครบเวลาที่เวฟครั้งที่สองแล้ว ก็เอาชามออกมาวางไว้ที่โต๊ะ แล้วก็ปิดฝาให้สนิท  /  นั่นก็แปลว่า ณ.ตอนนี้ เราได้ปรุงผักเรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับการทาน แล้วเราก็เก็บใส่ทัปเปอร์แวร์ที่ปิดฝา รอเอาไว้ก่อน  /  ซึ่งสรุปการปรุงผักได้ว่า  

       ใส่ผักคะน้าแช่แข็ง ( แบบหั่นแล้ว ) ปริมาณ 0.9 กก.ลงในชาม แล้วปิดฝา โดยแง้มฝาไว้เล็กน้อย


       เอาเข้าเตาไมโครเวฟ 2 นาที 30 วินาที


       พอครบเวลาแล้ว ก็เอาชามออกมาจากเตา แล้วใช้ช้อน "คน" ผักในชามนั้นให้ทั่ว ( นี่คือการ "คน" ผัก ครั้งที่ 1 ) แล้วก็ปิดฝา โดยแง้มฝาไว้เล็กน้อย


       เอาเข้าเตาไมโครเวฟอีกครั้ง ( ไม่ได้บอกเวลาไว้ แต่ก็น่าจะเป็น 1 นาที 30 วินาที )


       พอครบเวลาแล้ว ก็เอาชามออกมาจากเตา แล้วใช้ช้อน "คน" ผักในชามนั้นให้ทั่ว ( นี่คือการ "คน"ผัก ครั้งที่ 2 ) แล้วก็ปิดฝา โดยแง้มฝาไว้เล็กน้อย


       เอาเข้าเตาไมโครเวฟอีกครั้ง ( ไม่ได้บอกเวลาไว้ แต่ก็น่าจะเป็น 30 วินาที )


       พอครบเวลาแล้ว ก็เอาชามออกมาจากเตา แล้วปิดฝาให้สนิท ( จากที่ก่อนหน้านี้ มันถูกแง้มฝาเอาไว้ )


       สรุปว่า เอาเข้าเตาไมโครเวฟ "3 ครั้ง"   /  และทำการ "คน" ผัก 2 ครั้ง



       ขั้นตอนต่อไป เดี๋ยวเรามาดูการทำโอ๊ตมีลกันครับ



( ภาพบนปอกเปลือกกล้วยหอมก่อน 




( ภาพบนหั่นกล้วยเป็นแว่นๆใส่ลงไปในชาม 




( ภาพบนกล้วยหอม 2 ลูกที่หั่นเป็นแว่นๆเรียบร้อยแล้ว


       ( ภาพบน ) ในการทำโอ๊ตมีลนั้น คุณจะต้องหั่นกล้วยลงไปในชามให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อให้กล้วยอยู่ด้านล่างของชาม  /  "อย่า" ใส่โอ๊ตมีลลงไปในชามก่อนกล้วยเป็นอันขาด


 
ขอแทรกนิดนึงครับ

       ตอนที่ผม Webmaster นั่งดูวีดีโอนั้น ผมเห็นคุณ Evan หั่นกล้วยหอมแค่ลูกเดียว  ตอนแรกก็เลยนึกว่าการทานกล้วยของคุณ Evan เขาทานแค่ลูกเดียว  แต่พอนั่งดูวีดีโอย้อนหลังแล้ว ก็จับได้ว่า ... ( ดังภาพข้างล่างนี้ครับ )


       ( ภาพบน ) ตอนที่คุณ Evan ถือลูกใบหนึ่งไว้ในมือ ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ )  จะมีกล้วยหอมอีกลูกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้

       เมื่อดูในภาพข้างบนนี้ ก็แสดงว่าในการปรุงอาหารครั้งนี้ จะมีกล้วยหอม 2 ลูก ( อันนี้เป็นประเด็นที่ 1 )



       ( ภาพบน ) พอถึงตอนที่คุณ Evan กำลังใช้มีดหั่นกล้วยลูกหนึ่งที่อยู่ในมือ ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ )  ก็จะเห็นว่ามีกล้วยหอมอีกลูกหนึ่งวางอยู่ตรงบริเวณที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้


 

       ( ภาพบน ) พอดูวีดีโอไปเรื่อยๆ เขาก็ตัดภาพไปตอนที่คุณ Evan หั่นกล้วยไว้ในชามเรียบร้อยแล้ว ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) โดยวีดีโอ ผมเห็นคุณ Evan หั่นกล้วยแค่ลูกเดียว ( คือคนถ่าย เขาถ่ายให้เห็นการหั่นกล้วยแค่ลูกเดียว )

       แต่พอผมดูตรงบริเวณที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้  ปรากฏว่ากล้วยหอมอีกลูกหนึ่งที่เคยวางไว้ตรงนี้ ( ในภาพก่อนหน้านี้ ) ได้หายไป 

       นั่นก็หมายความว่า กล้วยในชาม ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) ก็คือกล้วยที่มาจากการหั่นกล้วยที่ปลอกเปลือกแล้ว จำนวน 2 ลูก นั่นเอง ( อันนี้คือประเด็นที่ 2 ซึ่งมีความสำคัญมาก )

       คงเป็นเพราะทางคนถ่าย เขาไม่ให้ความสำคัญกับปริมาณการทานกล้วย จึงได้ตัดภาพตอนที่หั่นกล้วยลูกที่สองออกไป ( ที่ผมรู้ว่า คุณ Evan ไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายภาพตัวเองก็เพราะว่ามันมีการ ซูมเข้า ซูมออก ไปที่มือของคุณ Evan เป็นบางช่วง นั่นย่อมแสดงว่าคุณ Evan ไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายตัวเอง  แต่จะมีอีกคนหนึ่ง เป็นคนคอยถ่ายให้  /  และคนที่คอยถ่ายให้นั้น ก็เป็นคนตัดต่อวีดีโอนี้ด้วย และคนตัดต่อคนนั้น ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปริมาณการทานกล้วย จึงได้ตัดการหั่นกล้วยลูกที่ 2 ออกไป )


      
เพื่อนสมาชิกบางคนอาจคิดว่า นี่ไม่น่าจะเป็นสาระสำคัญเลย กะอีแค่ ปริมาณการทาานกล้วย 1 ลูก มันก็แตกต่างกับการทานกล้วย 2 ลูก แค่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องเอามาเป็นประเด็นเลย

       แต่สำหรับผมแล้ว ผมเห็นว่ามันเป็นสาระสำคัญนะครับ เพราะว่าเราจะได้รู้ว่าในช่วงประกวดนั้น ของหวานที่คุณ Evan  ( ที่มีน้ำหนักตัว 117 กิโลกรัม หรือ 260 ปอนด์ ) ทานได้นั้นก็คือกล้วย ซึ่งเราจะได้รู้ว่าเขาทานได้ในปริมาณเท่าไร ( 1 ลูกหรือ 2 ลูกกันแน่? - ซึ่งคำตอบก็คือ 2 ลูกต่อ 1 วัน )

       คือหมายความว่า การทานกล้วยได้มากถึงวันละ 2 ลูก ( แทนที่จะเป็นแค่ 1 ลูก ) มันอาจเป็น "ข้อเฆี่ยน" อย่างหนึ่ง ที่ทำให้คุณ Evan  ชนะประกวดผู้แข่งขันคนอื่นก็ได้ ( ยกตัวอย่างเช่น การ "อุ้มน้ำ" ของผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลต่อความชัดมาก ชัดน้อยของกล้ามเนื้อ ตอนขึ้นประกวดบนเวที /  คือนักเพาะกายบางคน ก็ไม่กล้าทานของหวาน คือไม่กล้าทานกล้วยเลยแม้แต่ลูกเดียว เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิวหนังของเขา "อุ้มน้ำ" แล้วทำให้กล้ามไม่ชัดเวลาขึ้นเวทีประกวด แล้วพอไม่กล้าทานของหวาน มันก็ส่งผลต่อ "ความเครียด" ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตาย ฯลฯ เหมือนพวกลดน้ำหนักมากๆเขาเป็นกัน ( เครียดเกินไป เพราะไม่ทานของหวานเลย )  /  ซึ่งในครั้งนี้ คุณ Evan เขาก็เฉลยให้ดูแล้วว่า เขาสามารถทานของหวานคือกล้วยหอมได้ถึงวันละ 2 ลูกเลย ( ไม่ใช่แค่ 1 ลูก ) )  เพียงแต่ว่า คนถ่าย เขาไม่รู้ว่ามันเป็น "ข้อเฆี่ยน" ( เพราะคนถ่าย กับคุณ Evan เป็นคนละคนกัน ) ก็เลยละเลย และตัดภาพการหั่นกล้วยลูกที่สองออกไป  คนดูวีดีโอก็เลยเข้าใจผิด คิดว่าคุณ Evan  ทานกล้วยแค่ 1 ลูกต่อ 1 วัน


* * * มีเพื่อนสมาชิกหลายคนที่มีความรู้เรื่องการแปลภาษาอังกฤษดีกว่าผม และคิดว่า เขาสามารถหาดูวีดีโอเพาะกายภาษาอังกฤษ หรืออ่านนิตยสารเพาะกายภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยของผมก็ได้

       แต่ การที่คุณไม่ดูการแปลของผม คุณอาจจะพลาดสิ่งสำคัญบางสิ่งไปก็ได้  ยกตัวอย่างเช่น ในวีดีโอที่ผมเอามาแปลในครั้งนี้ ถึงแม้คุณจะฟังการพูดของคุณ Evan แล้วเข้าใจได้ดี  แต่ถ้าคุณดูและฟังภาษาอังกฤษในวีดีโอนี้ไปเรื่อยๆ แบบไม่เก็บรายละเอียด คุณก็จะต้องคิดว่าคุณ Evan ทานกล้วย 1 ลูกต่อ 1 วันเป็นแน่  แต่พอผมเก็บรายละเอียดให้ คุณผู้อ่านการแปลในเวบผมเท่านั้น ถึงจะรู้ว่า คุณ Evan ทานกล้วย 2 ลูกต่อ 1 วัน ( ไม่ใช่ 1 ลูกแต่อย่างใด )

       ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากพลาดอะไรดีๆไป คุณก็ควรติดตามเวบผม ไม่ว่าคุณจะแปลภาษาอังกฤษได้เก่งกว่าผมหรือไม่ก็ตาม ( และถ้าอยากให้เวบนี้อยู่ได้นานๆ ก็อย่าลืม อุดหนุนสินค้า ด้วยนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องหนีไปทำอย่างอื่นเพื่อเลี้ยงชีพ  ผมทำเวบนี้มาตั้ง 18 ปีแล้ว ก็ไม่อยากจะหนีไปไหน )




 



       ( ภาพบน ) ในมื้อแรกตอนเช้า ผมจะทานโอ๊ตมีล 1 ถ้วยตวง  แต่ในการสาธิตครั้งนี้ ผมทำเผื่อสองมื้อเลย ดังนั้น ผมจึงตักโอ๊ตมีลเป็นจำนวน 2 ถ้วยตวง ใส่ลงไปในชาม ที่มี "กล้วยหอม 2 ผลอยู่ที่ก้นชาม"



 
ขอแทรกนิดนึงครับ

amazon.com 


       ( ภาพบน ) เนื่องจากทัพพีที่คุณ Evan ใช้ตักโอีตมีลนั้น เป็นทัพพีขนาด 3/4 ถ้วยตวง ( Ladle 3/4 Cup ) ดังนั้น ... ( ข้างล่างนี้



       ( ภาพบน ) ดังนั้น ในการตักโอ๊ตมีลแต่ละครั้ง คุณ Evan จึงตักให้พูนขึ้นมา ( คือพูนขึ้นมา ตามที่เพื่อนสมาชิกเห็นในแนว เส้นประสีม่วง ในภาพข้างบนนี้ )

       โดยมีจุดประสงค์การตักให้พูนทัพพีแบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ก็เพื่อให้การตักแต่ละครั้ง คุณ Evan จะได้ตักได้ครั้งละ 1 ถ้วยตวง ( คือโอ๊ตมีลอยู่ที่ท้องทัพพี 3/4 ของถ้วย + ส่วนที่พูนขึ้นมาอีก 1/4 ของถ้วย / รวมแล้วก็เป็น 1 ถ้วยตวง พอดี )

       ซึ่งในวีดีโอนี้ คุณ Evan จะตักแบบนี้ 2 ครั้ง ( ก็คือ จะเป็นการตักให้ได้โอ๊ตมีลทั้งหมด ใส่ลงไปในชาม เป็นปริมาณ 2 ถ้วยตวง นั่นเอง )






       ( ภาพบน ) อัตราการเติมน้ำที่ผมใช้ก็คือ น้ำ 1 แก้วต่อโอ๊ตมีล 1 ถ้วยตวง 

       นั่นก็หมายความว่า โอ๊ตมีลที่อยู่ในชามนี้ ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) มีปริมาณ 2 ถ้วยตวง ดังนั้น ผมต้องใส่น้ำลงไป 2 แก้ว ( ใช้แก้วขนาดที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ )



( ภาพบนเติมน้ำให้เต็ม 1 แก้วก่อน 




( ภาพบนเทลงในชามโอ๊ตมีล 




( ภาพบนนำส้อมขึ้นมา 




( ภาพบนใช้ส้อม "คน" คลุกเคล้าโอ๊ตมีลให้ทั่ว ( ประมาณ 3 - 4 วินาที ) 




( ภาพบนใส่น้ำให้เต็มแก้วอีกครั้ง 




( ภาพบน ) เทน้ำแก้วนั้นลงในชามโอ๊ทมีล เป็นครั้งที่ 2 




( ภาพบนเอาส้อม "คน" คลุกเคล้าโอ๊ตมีลอีกครั้ง ( เป็นครั้งที่ 2 ) 





       ( ภาพบน )  จากนั้น ก็ให้เอาชามโอ๊ตมีลมาวางไว้เฉยๆสัก 2  นาที ( ยังไม่ต้องรีบเอาเข้าเตาไมโครเวฟ ) เพื่อให้น้ำซึมเข้าไปในตัวโอ๊ตมีล ( ให้โอ๊ตมีลชุ่มน้ำ ก่อนที่จะนำเข้าเตาไมโครเวฟ )



 
ขอแทรกนิดนึงครับ

       เพื่อนสมาชิกอาจคิดว่า แค่บอกว่า เติมน้ำ 1 แก้ว แล้วคนให้ทั่ว แล้วก็เติมน้ำอีก 1 แก้ว แล้วก็คนให้ทั่วอีก  ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาภาพมาให้ดูเป็นขั้นเป็นตอนแบบละเอียด แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้เลย  อีกอย่างก็คือ ในตอนท้ายของหน้าเวบ ผมก็จะให้ลิงค์วีดีโออันนี้อยู่แล้ว  นั่นก็หมายความว่า ขั้นตอนการเติมน้ำ แล้วคน ( แบบที่เห็นในหลายภาพข้างบนนี้ ) ก็ดูในวีดีโอเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแจงรายละเอียดเป็นภาพๆ

       คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือว่า บางครั้ง ในอนาคต ลิงค์ที่เป็นวีดีโอนี้ อาจจะ "โดนลบ" หรือโดนถอดไปก็ได้ ดังนั้น ณ.วันนี้ ถ้าเก็บภาพไว้ได้ ผมก็อยากเก็บภาพเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้เห็นแบบละเอียดว่า ขนาดของแก้วน้ำ เขาใช้ขนาดเท่าไร ,ใช้ส้อมคน ( ไม่ใช่ใช้ช้อนคน ) ,ใช้เวลาคนนานไหม ( ก็คือคนแค่ครั้งละ 3 - 4 วินาที ) เพราะถ้าผมไม่บอกไว้ว่าคนนานเท่าไร และในอนาคต ลิงค์วีดีโอ "โดนลบ" ไปแล้ว เพื่อนสมาชิกก็อาจคิดว่าต้องคนนานๆเป็น นาที สองนาที อะไรแบบนี้  /  ซึ่งความจริง คนแค่ครั้งละ 3 - 4 วินาทีเท่านั้นครับ ( คนแบบคลุกเคล้ากันให้ทั่วๆ

       ผมพยายามเก็บรายละเอียด ก็เพื่อให้เพื่อนสมาชิกบางท่านที่อายุยังน้อย เวลาอธิบายแล้ว มองไม่เห็นภาพ  ซึ่งถ้าได้ดูภาพแบบเป็นขั้นตอนโดยละเอียดแบบนี้ ก็จะทำให้เข้าใจดียิ่งขึ้นครับ  ดังนั้น เพื่อนสมาชิกที่หัวไวๆทั้งหลาย ก็อย่ารำคาญเลยครับ  การเก็บภาพวีดีโอแบบละเอียดนี้ มันเป็นสไตล์ของผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว น่าจะคุ้นเคยกันดี 




( ภาพบน ) ก่อนเอาเข้าเตาไมโครเวฟ ให้ "คน" คลุกเคล้าอีกครั้ง ( คนประมาณ 3 - 4 วินาที )





       ( ภาพบน ) เวฟครั้งแรก ให้เริ่มด้วยเวลา 2 นาที และไม่ต้องปิดฝา ( Webmaster - ในภาพข้างบนนี้ คุณ Evan กดไว้ที่ 2 นาที แล้วหันหลังให้เตาไมโครเวฟ ก็เลยเห็นเป็นเลข 1.58 นาที ( คือผ่านไป 2 วินาทีแล้ว ) )  

       รอบแรกให้เวฟด้วยเวลา 2 นาที ก่อน ( คือที่เห็นในภาพข้างบนนี้ )  จากนั้นก็เอาโอ๊ตมีลออกจากเตา แล้วเอาส้อมคน แล้วเอาเข้าเตา เพื่อจะทำการเวฟรอบที่สอง


       รอบที่สองให้เวฟด้วยเวลา 1 นาที  จากนั้นก็เอาโอ๊ตมีลออกจากเตา แล้วเอาส้อมคน แล้วเอาเข้าเตา เพื่อจะทำการเวฟรอบที่สาม


       รอบที่สองให้เวฟด้วยเวลา 30 วินาที จากนั้นก็เอาโอ๊ตมีลออกจากเตา แล้วก็คนอีกครั้ง 




       ( ภาพบน ) หลังจากเวฟรอบสุดท้ายแล้ว ( คือรอบที่ 3 ที่ใช้เวลาเวฟ 30 วินาที ) ก็เอาช้อนคนอีกครั้ง แล้วก็เอาฝาทัปเปอร์แวร์ปิดไว้ ( เหมือนที่เห็นในภาพข้างบนนี้ )  

       ณ.ตอนนี้ การเตรียมโอ๊ตมีลก็เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นการเตรียมอาหารไข่นะครับ



หน้าถัดไป

1  <  2  >  3  >  4