|
Natriuretic peptide-นาเทรียูเรติกเพปไทด์ หน้าแรก / ดัชนี-6 / ดัชนี-ศัพท์เพาะกาย / ดัชนี-ศัพท์เพาะกาย-เรียง-อักษร / ดัชนี-อักษร-N-หลัก / อักษร-N-หลัก-01 / ดัชนี-ย่อย-ระดับ-หนึ่ง-01 / ดัชนี-ย่อย-ระดับ-สอง-01 / V-6bb-01-01-06-P-650724-0909 / เNatriuretic peptide-นาเทรียูเรติกเพปไทด์ |
* * * คลิกให้กำลังใจผู้ทำเว็บ ด้วยการคลิกที่ "กรอบสีชมพู" ที่อยู่ด้านบนสุดให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - |
NT-proBNP ( ข้างล่างนี้ ) |
NT-proBNP คือ อะไร? * * * pro B-type natriuretic peptide (proBNP) เป็ นสารที่หลงั่ จากหวัใจสู่กระแสเลือด เมื่อผนังหัวใจถูกยืดเหยียดซึ่งเป็ นผลมาจากการท างานที่อ่อนล้าของหัวใจ * * * ระดับ NT-proBNP สัมพนัธ์โดยตรงกบัระดับความยดืเหยยีดของกล้ามเน้ือหวัใจ * * * เมื่อหลั่งจากหัวใจแล้ว proBNPจะแยกออกเป็ น NT-proBNPและ BNP |
![]() |
ข้างบนนี้มาจาก : ลิงก์นี้ |
* * * NT-proBNPเป็นสารที่ไม่ออกฤทธ์ิทางชีวเคมี นนั่ หมายความว่า NT-proBNP มีความคงสภาพไม่เปลี่ยนแปลงไดง้่ายและมีค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ 60-120 นาที จึงง่ายต่อการนำมาประยกุ ตใช้พื่อการตรวจวินิจฉัยไดอย่างมีประสิทธิภาพ * * * ด้วยเหตุที่ NT-proBNP มีความคงตัวสูงทาให้เทสต์นี้มีความไวในการตรวจภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะแรกเริ่มหรือในผปู้่วยที่มีอาการเพียงเล็กนอ้ยได้ * * * การวัดระดับของ NT-proBNPในเลือดของผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถตรวจประเมินโอกาสที่จะเกิดโรคภาวะหัวใจล้มเหลวตลอดจนความรุนแรงของโรคแม้ในผปู้่วยที่ไม่แสดงอาการ * * * NT-proBNPได้รับการรับรองจาก US FDAให้ใช้เพื่อการวินิจฉัย และใช้ตรวจประเมินภาวะหัวใจล้มเหลว และดูความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันอีกทั้งยังได้รรับการรับรองว่าสามารถใช้ตรวจประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและอัตราการตายในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบคงที่ ทั้งยังนำมาใช้เพื่อกำหนดแนวทางในการรักษา ซึ่งจะท าให้ผลการรักษาที่ได้ดีกวการไม่ใช้ NT-proBNP ข้อดีของการน า NT-proBNP มาใช้คัดกรอง * * * แนะนำให้ตรวจ NT-proBNPอย่างสม่ำเสมอในประชากรที่มีอายุสูงกว่า 60 ปี ขึ้นไป หรือผู้เป็นเบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจเพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดภาวะหวัใจล้มเหลว * * * การตรวจหา NT-proBNPเป็นประจำ ในประชากรที่มีความเสี่ยงสูงสามารถช่วยคดักรองผมู้ีโอกาสเกิดโรคเร้ือรังรุนแรง ซึ่งรวมถึงภาวะหัวใจล้มเหลวและการเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจวิกฤต * * * การตรวจพบภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะแรกด้วย NT-proBNP มีประโยชน์ต่อการให้การรักษาและการปรับเปลี่ยนสุขนิสัยของคนไข้ช่วยชะลอความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหวัใจข้นัรุนแรงที่อาจเสียชีวิต คนไขจ้ึงมีโอกาสที่จะใชชีวิตที่ยนืยาวขึ้นอย่างมีคุณภาพ การ ใช้ NT-proBNP เพื่อการวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลว * * * NT-proBNP เป็นตวับ่งชี้ที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลวได้รวดเร็ว และ ถูกต้องแมว้ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวเพียงเล็กนอ้ยหรือยงัไม่แสดงอาการได้อย่างแม่นยำ * * * ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวกว่า 50% ที่ได้รับการวินิจฉัยผิดพลาดโดยอาศัยการตรวจดูอาการเพียงอย่างเดียว * * * NT-proBNPใช้แยกผปู้่วยที่มีอาการหอบเหนื่อยหรือแน่นหน้าอก ว่าสาเหตุเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเป็นอาการของโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคหัวใจ การใช้ NT-proBNP เพื่อการพยากรณ์โรค * * * NT-proBNP มีประโยชน์อยา่ งมากในการพยากรณ์โรคในทุกระยะของภาวะหัวใจล้มเหลว ระดับความเข้มข้นของ NT-proBNP ที่วดัไดใ้ชใ้นการทา นายความเสี่ยงของการเกิดภาวะหวัใจลม้ เหลว และใช้เป็ นตัวคาดการณ์ถึงภาวะวิกฤตของหัวใจที่จะเกิดข้ึนในอนาคตในระยะต่างๆได้ การใช้ NT-proBNP ในการรักษาผู้ป่วยทมีภาวะหัวใจล้มเหลว * * * จากการศึกษาล่าสุด พบว่าการใช้ NT-proBNP เพื่อกาหนดแนวทางการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวได้ผลดีกวว่าการรักษาแบบมาตรฐานทวั่ ๆ ไป และช่วยใหแพทย์ สามารถปรับวิธีการรักษาไดอ้ย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกบักรณีศึกษาซ่ึงใชเพียงการตรวจดูอาการทางคลีนิกทั่วไป * * * การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวโดยใช้ NT-proBNP เป็นแนวทางนั้น สามารถช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ร้อยละ 40 ในผปู้่วยที่มีภาวะหวัใจล้มเหลวเร้ือรัง * * * การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวโดยใช้ NT-proBNP เป็น ทำให้ผู้ป่ วยภาวะหัวใจล้มเหลวลดอัตตราการเสียชีวิตและลดอัตราการนอนโรงพยาบาลมีคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีข้ึน ความคุ้มค่าในการใช้NT-proBNP ทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข * * * ภาวะหัวใจหัวใจลม้ เหลวเป็นโรคที่มีค่าใชจ้่ายในการดูแลผปู้่วยสูงสุดเมื่อเทียบกบัโรคเร้ือรังอื่นๆ * * * ค่าใชก้วา่ 80% ของผู้ป่ วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ใช้เพื่อการวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลว * * * ความสัมพนัธ์ระหวา่ งค่าใชจ้่ายกบัระดบัความรุนแรงของภาวะหวัใจล้มเหลวเพิ่มสูงข้ึนอย่างต่อเนื่อง * * * การใช้ NT-proBNP ในการตรวจวินิจฉัยในห้องฉุกเฉินสามารถช่วย ////////// ลดการใช้การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง (ECG)ลงกว่า 58% ////////// ลดปริมาณการรับผปู้่วยเขา้รักษาตวัในโรงพยาบาลคร้ังแรกลง 13% ////////// ลดระยะเวลาในการอยู่ในโรงพยาบาลลง 12% ////////// ลดค่าใชจ้่ายทางการแพทย์ลง 10% ////////// ลดอัตราการเสียชีวิตหลังให้คนไข้กลับบ้านเหลือเพียง 1% ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.mengrailab.com/wp-content/uploads/2015/10/NT-2.pdf |
- จบ - |
|
|