* * * ให้กำลังใจกับเว็บเพาะกายของเรา ด้วยการคลิ๊กตรงนี้นะครับ "คลิ๊กที่นี่ครับ

* * * การช่วยคลิ๊ก มีความสำคัญอย่างไร? "อ่านที่นี่ครับ"  


Serving Size


ข้างล่างนี้อ้างอิงจากลิงค์ : foodnetworksolution.com/wiki/word/2978/serving-size

      
หนึ่งหน่วยบริโภค ( serving size ) หมายถึง ปริมาณอาหารที่คนไทยปกติทั่วไปรับประทานได้หมดใน 1 ครั้ง ปริมาณอาหารหนึ่งหน่วยบริโภคที่ระบุในฉลากโภชนาการ เป็นปริมาณอาหารที่ผู้ผลิตแนะนำให้ผู้บริโภครับประทานผลิตภัณฑ์นั้นๆ ในแต่ละครั้ง หรือเรียกว่า "กินครั้งละ" นั่นเอง ปริมาณอาหารหนึ่งหน่วยบริโภคนี้กำหนดได้จากปริมาณ "หนึ่งหน่วยบริโภคอ้างอิง" ซึ่งเป็นค่าปริมาณอาหารโดยน้ำหนัก หรือปริมาตรของการรับประทานแต่ละครั้งที่ประมวลได้จากการสำรวจพฤติกรรมการบริโภค และข้อมูลจากผู้ผลิตเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้ปริมาณอาหารหนึ่งหน่วยบริโภคดังกล่าวอาจไม่เท่ากับปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคอ้างอิงก็ได้ แต่จะต้องเป็นค่าที่ใกล้เคียงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด


ข้างล่างนี้อ้างอิงจากลิงค์ : goodshapeclub.wordpress.com/2010/09/01/สัปดาห์ที่-5-–การอ่านฉลา/

       ที่จะอธิบาย คือ Serving Size and Servings per Container ( หนึ่งหน่วยบริโภค และ จำนวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ )



goodshapeclub.wordpress.com

       ( ภาพบน ) Serving Size หรือ หนึ่งหน่วยบริโภค หมายถึง ‘กินครั้งละ’ นั่นเอง เป็นปริมาณที่ผู้ผลิต แนะนำให้ผู้บริโภคกิน ซึ่งเมื่อกินในปริมาณเท่านี้แล้ว ก็จะได้รับสารอาหารตามที่ระบุอยู่ในช่วงต่อไปของกรอบข้อมูลโภชนาการ


       หนึ่งหน่วยบริโภค จะต้องแสดงเป็น 2 ส่วนอยู่ด้วยกัน

       ส่วนแรก - คือบอกปริมาณที่เห็นได้ง่ายเช่น กระป๋อง ชิ้น ถ้วย แก้ว เป็นต้น

       ส่วนที่สอง - คือการกำกับด้วยน้ำหนัก หรือปริมาตร เป็นระบบเมตริก จากตัวอย่างในรูปข้างบน คือ 1 ถ้วย ( 250 กรัม )


       สำหรับตัวอย่าง 1 Serving Size ของอาหารอื่น ก็เช่น

       1 กระป๋อง ( 325 มิลลิลิตร ) เครื่องดื่มอัดลม

       4 ลูก ( 140 กรัม รวมน้ำเชื่อม ) ลิ้นจี่ในน้ำเชื่อมเข้มข้น บรรจุกระป๋อง

       จำไว้ว่า “ปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคนี้ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป”

       เราอาจเห็นอาหารยี่ห้อเดียวกัน แสดงปริมาณการ ‘กินครั้งละ’ หรือ Serving Size ต่างกันสำหรับแต่ละขนาดบรรจุก็ได้ ดังนี้



evanswholesale.net

       ( ภาพบน ) นมพร้อมดื่มขนาดบรรจุกล่องละ 250 มิลลิลิตร

       หนึ่งหน่วยบริโภค : 1 กล่อง ( 250 มิลลิลิตร )

       จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 1



packaging-gateway.com

       ( ภาพบน ) นมพร้อมดื่มขนาดบรรจุขวดละ 1 ลิตร ( 1,000 มิลลิลิตร )

       หนึ่งหน่วยบริโภค : 1 แก้ว ( 200 มิลลิลิตร )

       จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด : 5

       เพราะฉะนั้น สารอาหารที่ได้จากการกินแต่ละครั้งก็จะไม่เท่ากันด้วย

       Servings per container หรือ จำนวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ หมายถึง ห่อนี้ ขวดนี้ กล่องนี้ กินได้กี่ครั้งนั่นเอง ตามตัวอย่างฉลากด้านบนนี้ ก็คือ ถ้ากินหนึ่งครั้ง 1 ถ้วย คือ 250 กรัม จำนวนครั้งที่กินได้ก็คือ 2 ครั้งนั่นเอง 


       คราวนี้เราดูฉลากกันต่อ



goodshapeclub.wordpress.com

       ( ภาพบน

       คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค: หมายความว่า ถ้ากินครั้งละ หรือตามปริมาณ Serving Size ที่ระบุแล้วจะได้สารอาหารอะไรบ้าง ในปริมาณน้ำหนักจริงเท่าใด และปริมาณนี้ คิดเป็นร้อยละเท่าไรของปริมาณที่เราควรได้รับในวันนี้

       สำหรับวิตามินและเกลือแร่นั้น บางครั้งระบุแต่ปริมาณร้อยละของที่ต้องการต่อวันเท่านั้นเพราะค่าน้ำหนักจริงมีค่าน้อยมาก ทำให้เข้าใจตัวเลขได้ยาก

       จากตัวอย่างในภาพข้างบนนี้ อธิบายได้ว่า

       Calories: หากเราทานซุปครีม ชีส บรอคโคลี่ เข้มข้น 1 ถ้วย หรือ 1 serving นี้จะได้รับ 250 แคลอรี่ และหากเราทานทั้งหมดในบรรจุภัณฑ์จะได้รับ 2 หน่วย นั่นคือ 500 แคลอรี่

       Fat: เราจะได้รับไขมัน 135 แคลอรี่ หากทาน 1 หน่วย หรือ จะลองคำนวณในใจ เราจะได้รับไขมัน กี่เปอร์เซ็นต์จากพลังงานทั้งหมด นั่นคือ 135 จาก 250 ก้อคือพลังงานจากซุบนี้ มาจากไขมันมากกว่า 50% เชียวค่ะ ถ้าเป็นแอนอาจต้องคิดหนักอยู่เหมือนกันก่อนที่จะหยิบ ซุปยี่ห้อ กลับบ้านไปด้วย

       นอกจากนี้ในฉลาก ก้อยังจะต้องมีบอกด้วยว่า มีปริมาณไขมันอิ่มตัว และ Trans Fat เท่าไร ซึ่งก้อถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญเช่นกันค่ะ แอนจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมในส่วนของชนิดของไขมันอีกที รออ่านในช่วงต่อไป




goodshapeclub.wordpress.com

       ( ภาพบน

Total Carbohydrate:

       ก้อจะบอกเราในปริมาณที่เราจะได้รับ ต่อ 1 หน่วยบริโภคเช่นกัน ซึ่งคาร์โบไฮเดรต เราสามารถมาได้จาก ไฟเบอร์ และ น้ำตาล ซึ่งตรงน้ำตาล นี่ก้อมองยากเช่นกันว่า มาจากแหล่งไหน จากธรรมชาติ หรือสังเคราะห์ ดังนั้น ให้เหลือบสายตา ไปดูฉลากของส่วนผสมประกอบไปด้วย ก่อนเลือกซื้อค่ะ

       ถ้าเราไปลองอ่านจาก ฉลากของส่วนผสม อาจจะเห็นได้ สมมุติว่าเรากำลังจะเลือกซื้อ ซีเรียล เอาไว้ทานเป็นของงว่าง แล้วเราก้ออ่านเห็นว่า ซีเรียลอันนิดเดียวมีการเติมน้ำตาลด้วย แต่ถ้าเราดูแค่ตัวเลขอาจดูเหมือนมีน้ำตาลสูง แต่เมื่อเราดูจากส่วนผสมเห็นเป็นน้ำตาลจาก ไรซิน หรือองุ่น ซึ่งเป็นน้ำตาลจากผลไม้ธรรมชาติ

       เวลาเราอ่าน ฉลาก ลองสังเกตด้วยว่า สวนผสมของน้ำตาลนั้น มาจากอะไรธรรมชาติ หรือมาจากสารสังเคราะห์กันแน่ เช่น brown sugar, cane sugar, beet sugar, corn syrup, corn syrup solids, brown rice syrup, dextrose, fructose, fruit juice concentrate, high fructose corn syrup, honey, invert sugar, maltodextrin, molasses, raw sugar, turbinado sugar and sucrose are all added sugars.

       บางทีโรงงานผลิตอาหารก้อใช้สารเติมความหวานในปริมาณเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเราอาจจะเห็น เขียนในฉลากว่า แค่โรย เท่านั้น แต่ถ้าลองเอาปริมาณทั้งหมด ต่อบรรจุภัณฑ์มารวมกัน ก้อสามารถนับเป็นตัวเลขที่น่าสังเกต ได้เช่นกัน แอนว่าเราเลือกซื้อ อาหารที่ใช้น้ำตาลจากธรรมชาติ น่าจะดีกว่านะค่ะ

       ส่วนของไฟเบอร์ อาหารที่มีปริมาณ ไฟเบอร์ 5 กรัมหรือมากกว่า ต่อ น่วยบริโภค ถือว่า เป็นอาหารที่ให้ไฟเบอร์ที่ดีเลยละ




goodshapeclub.wordpress.com

       ( ภาพบน

% Daily Value: ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

       หมายถึง ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน หมายถึง สารอาหารที่มีในอาหารจากการกินครั้งละนี้ เมื่อคิดเทียบกับปริมาณที่ควรได้รับแล้ว คิดเป็นร้อยละเท่าไร

       จากตัวอย่าง ซุปยี่ห้อนี้จะให้คาร์โบไฮเดรต 11 % ของที่ต้องการต่อวัน ก็หมายความว่าเราต้องหาทานจากอาหารอื่นอีก 89 % ด้วยนะค่ะ

       โปรดสังเกตว่า โปรตีน และน้ำตาล อาจจะแสดงแต่ค่าน้ำหนักเท่านั้น เนื่องจากโปรตีนมีหลากหลายชนิด และคุณภาพแตกต่างกัน การระบุเป็นร้อยละจะทำให้เข้าใจผิดได้ จึงกำหนดให้ระบุแต่เพียงน้ำหนัก และผู้บริโภคสามารถทราบแหล่งของโปรตีนได้จากส่วนประกอบที่แสดงอยู่บนฉลากอยู่แล้ว

       สำหรับน้ำตาลนั้น แสดงร้อยละเป็นส่วนหนึ่งของคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดแล้ว

       ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันของสารอาหารที่สำคัญบางตัว ได้แก่ ไขมันทั้งหมด ไขมันอิ่มตัว โคเลสเตอรอล คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด ใยอาหาร โซเดียม ได้มีการระบุไว้เป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคทราบในตอนท้ายของกรอบข้อมูลโภชนาการแบบเต็ม ข้อมูลนี้ที่แสดงบนฉลากอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สำคัญเท่านั้น ที่จริงแล้วบัญชีสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ( Thai Recommended Daily Intakes หรือ Thai RDI ) ได้กำหนดสารอาหารไว้รวม 34 ชนิดด้วยกัน

       สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้กำหนดให้ปริมาณที่ควรจะได้รับในแต่ละวันและปริมาณที่กำหนดขึ้นนี้ จะกำหนดตามพื้นฐานของการได้พลังงาน 2000 แคลอรี่ต่อวัน

       แต่ใช่ว่า ทุกคนจำเป็นต้องได้รับ พลังงาน 2,000 calorie ต่อวัน ถ้าคุณรู้ว่ามาจำเป็นต้องได้รับพลังงานมากมาย คุณก้อยังสามารถที่จะดูค่านี้บนฉลากได้อยู่เช่นกัน เพื่อให้มั่นใจว่า สารอาหารที่เรากำลังใส่ใจอยู่นั้น มากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ ดังเช่นตัวอย่าง

       ซุป 1 หน่วยบริโภค ให้โซเดี่ยมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ของประมาณที่ควรทานทั้งวัน ซึ่งถือว่าเยอะดีทีเดียว และให้ปริมาณไขมัน 25 % นั่นหมายถึงซุป 1 ถ้วยจะได้รับไขมัน ¼ ของต่อวันเลย นั่นก้อถือว่าเยอะเอาการอยุ่ สำหรับแค่ 1 หน่วยบริโภคเท่านั้น ถ้าทานหมดถุงนี่ล่ะ เพื่อนๆคงจะได้รับ เป็น 50% เชียว ดังนั้น ถ้าอยากจะซื้อยี่ห้อนี้ ก้อคงต้องแบ่งให้คนอื่น รับไขมันไปด้วยนะค่ะ เผื่อแผ่กันไป ไม่งั้น จะได้รับมากเกินไป แล้วจะเอาไปสะสมเก็บไว้เป็นส่วนเกินนั่นเอง




  * * * ถ้ายังไม่ได้คลิ๊ก อย่าลืมช่วยคลิ๊กให้ด้วยนะครับ "คลิ๊กที่นี่ครับ



- END -