|
แอโรบิค - Aerobic Exercise |
แอโรบิก (
Aerobic Exercise )
เป็นการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป
และต้องออกกำลังกายติดต่อกันในช่วงระยะเวลา
ไม่ต่ำกว่า 20 นาที เช่น วิ่ง และว่ายน้ำระยะไกล
ปั่นจักรยานทางไกล เต้นแอโรบิค ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เพราะว่าเมื่อออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 นาทีแล้ว ร่างกายจึงจะเริ่มเอาไขมันในร่างกายมาเผาผลาญ ( เพื่อให้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานอันถัดไป ( ถัดจากการใช้คาร์โบไฮเดรต ) ) ซึ่งเมื่อร่างกายมีการเอาไขมันในร่างกายมาเป็นแหล่งพลังงานที่จะใช้ในการสันดาป มันก็เลยเป็นการลดไขมันในร่างกายนั่นเอง ( ลดไขมันในร่างกาย ด้วยการใช้ไขมันในร่างกายนั้น นำไปสันดาปกับออกซิเจน เพื่อแปลงเป็นพลังงานที่ใช้สำหรับการวิ่งระยะไกล ) ![]() ซึ่งกระบวนการสร้างพลังงานของไขมันช้า จะช้ากว่ากระบวนการสร้างพลังงานของคาร์โบไฮเดรท คือหมายความว่า ถึงแม้ไขมันจะให้พลังงานมากกว่าแต่ต้องสิ้นเปลืองออกซิเจนมากกว่า ด้วยเหตุนี้นักวิ่งจึงต้องอ้าปากหายใจแรงและลึก เพื่อนำออกซิเจนไปช่วยในการสันดาปให้พลังงานมากที่สุด ![]() ![]() ( Webmaster - ข้างล่างนี้ อ้างอิงจากเวบ honestdocs.co ) หนึ่งในวิธีการดูแลสุขภาพที่สำคัญก็คือการออกกำลังกาย และการออกกำลังกายที่ดีมากและสามารถทำได้ง่ายก็คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เพราะการออกกำลังกายชนิดนี้ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปอด หัวใจ ระบบไหลเวียนโลหิต รวมไปถึงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็แข็งแรงเช่นกัน การออกกำลังกายแบบแอโรบิคคืออะไร การออกกำลังกายแบบแอโรบิค หรือ Aerobic Exercise หมายถึง การออกกำลังกายแบบที่ต้องใช้อากาศหรือออกซิเจน หรือก็คือต้องหายใจในขณะที่กำลังออกกำลังกายเพื่อนำเอาออกซิเจนไปเป็นตัวช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน การออกกำลังกายแบบแอโรบิคร่างกายจะปรับตัวอย่างไร การออกกำลังกายแบบแอโรบิคทำให้ร่างกายต้องการออกซิเจนอย่างมากที่สุดเพื่อที่จะให้ร่างกายแปลงพลังงานที่สะสมอยู่มาใช้งานได้ ดังนั้นร่างกายก็จะมีการปรับตัวดังนี้ 1.ระบบการหายใจของร่างกายจะทำงานเร็วและแรงมากขึ้น ทำให้ต้องหายใจทางปากเพื่อดูดอากาศหรือออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้ได้มากที่สุด 2.หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อเร่งการส่งเลือดจากปอดที่เต็มไปด้วยออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกายให้ 3.หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้นเพื่อให้การลำเลียงเลือดในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานของระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือดขณะออกกำลังกายแอโรบิค 1.เมื่อเริ่มออกกำลังกายแบบแอโรบิค หลังจากที่หายใจเอาอากาศเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว อากาศจะเดินทางไปยังปอดและเดินทางผ่านท่อเล็กๆ มากมายภายในปอดไปยังถุงลม ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดที่ออกซิเจนสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ 2.หลังจากนั้นกระแสเลือดจะไหลไปยังหัวใจโดยตรง เมื่อหัวใจรับออกวิเจนมากพอแล้วก็จะทำการส่งเลือดไปเลี้ยงยังส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป 3.หลังจากส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนแล้วก็จะไหลกลับเข้ามาที่หัวใจและส่งไปยังปอดต่อไปเพื่อรับออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกครั้ง หากร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอขณะออกกำลังกายจะเป็นอย่างไร การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ร่างกายต้องการออกซิเจนเพื่อไปช่วยในการเผาผลาญพลังานในร่างกายมาใช้งาน แต่หากร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอก็จะทำให้การเผาผลาญพลังงานน้อยลงจนอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ร่างกายก็จะสับเปลี่ยนไปเผาผลาญไกลโคเจนที่อยู่ในกล้ามเนื้อแทน ซึ่งเป็นการเผาผลาญพลังงานแบบที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนเข้าช่วย แต่ ข้อเสียคือทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง และยังให้พลังงานน้อยกว่าด้วย ออกกำลังกายแบบแอโรบิคเท่าไหนจึงจะพอ การออกกำลังกายแบบแอโรบิคต้องการความต่อเนื่อง และระยะเวลาการออกกำลังกายที่นานพอจึงจะมีประโยชน์ ดั้งนั้นจึงไม่จำเป็นต้องออกอย่างหนักแต่ต้องออกให้พอเหนื่อยและใช้ระยะเวลาการออกไม่น้อยกว่า 20 นาที การออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีอะไรบ้าง การออกกำลังกายแบบแอโรบิคได้แก่ การวิ่งระยะไกล ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน การเดินเร็ว ปีนเขา การเต้น การกระโดดเชือก และอื่นๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการออกกำลังกาย และทำให้ต้องหายใจเข้าเยอะๆ ที่พูดมานี้ ล้วนเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ข้อดีของการออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีอะไรบ้าง 1.ทำให้หัวใจและระบบไหลเวียนเลือดแข็งแรง - เพราะหัวใจได้ฝึกบีบและคลายตัวอยู่บ่อยๆ หลังจากนั้นเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงก็จะไม่ต้องบีบและคลายตัวบ่อย ทำให้ไม่เหนื่อยง่ายตอนออกกำลังกายแบบแอโรบิค 2.ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานได้ดีมากขึ้น - การออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะทำให้เซลล์ที่มีหน้าที่เผาผลาญพลังงานเพิ่มจำนวนมากขึ้นจึงเป็นสาเหตุให้คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำไม่ค่อยอ้วนเพราะมีระบบเผาผลาญที่ดี |
|
- END - |