TUVA ตอบปัญหา
  คำถาม : การจะมีกล้ามชัดทั้งตัว และมีกล้ามท้องแบนราบ จำเป็นต้องอดอาหารหรือไม่ ?


คำตอบ : ไม่จำเป็นนะครับ ( คือไม่จำเป็นต้องอดอาหาร เพื่อแลกกับการมีกล้ามชัดทั้งตัว และการมีกล้ามท้องแบนราบ )  และก็มีคำสอนผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆคือ "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ"

       ด้วยคำสอนเฮงซวยแบบนี้ เลยทำให้มนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานในเรื่องการอดอาหาร ,กินเหมือนนก เหมือนแมลงเข้าไปทุกวัน ( คือกินน้อยจัด )  เพียงเพราะว่าต้องการลดไขมันในตัวเอง
 ผมเห็นมามากแล้ว ที่คนอ้วนหนักเป็นร้อยกิโลกรัม ที่กินอาหารแค่วันละมื้อ ,บางวันก็กินแค่ผลไม้ลูกเดียว ,บางคนก็เข้าขั้นอุกฤตถึงขนาดไม่ทานอาหารเช้า ทานแต่กาแฟแก้วเดียว แล้วเป็นยังไง? น้ำหนักตัวก็ไม่ได้ลดลงเลย อาจจะลดลงบ้างในช่วงสองสามอาทิตย์แรกของการอดอาหาร แต่หลังจากนั้น น้ำหนักตัว ( ซึ่งก็คือไขมัน ) มันก็ไม่ลดลงอีกเลย 

       คือ ถ้าคำพูดที่ว่า "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ" เป็นความจริงแล้วล่ะก็ คนน้ำหนักตัวร้อยกิโลกรัม ที่อดอาหาร ( คือรับแคลอรี่เข้าร่างกายให้น้อย ) และวิ่งจ๊อกกิ้ง ( เพื่อใช้แคลอรี่ออกไปจากตัวให้มากกว่าที่กิน ) ก็ต้องประสบความสำเร็จในการลดไขมันทุกคนแล้วสิครับ แต่สิ่งที่เห็นก็คือ มันไม่ประสบความสำเร็จ

       ที่คนอ้วนหนักเป็นร้อยกิโลกรัมไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะเขาคิดว่าวิธีลดไขมัน มีแค่วิธีการแบบที่ว่า  รับแคลอรี่เข้าร่างกายให้น้อย และใช้แครอลี่ออกจากร่างกายให้มากกว่าที่ตัวเองกินเข้าไป ( คือคนอ้วนทั่วไป คิดว่ามันมีแค่วิธีนี้วิธีเดียว )

       แต่ความจริง มันมีอีกวิธีหนึ่งในการลดไขมัน ก็คือ กินให้มาก แล้วออกกำลังให้หนัก ( ซึ่งก็คือหลักการเพาะกายนั่นเองคือ กินมาก ,เล่นกล้ามให้หนัก และพักผ่อนให้มาก )

       พออ่านถึงตรงนี้ก็ตกใจ  จะลดไขมัน แต่ต้องกินให้มากหรือ? คำตอบก็คือ ใช่ครับ เพราะเมื่อเราทานมาก เราก็จะมีพละกำลังมาก / เมื่อมีพละกำลังมาก ก็จะเล่นกล้ามได้หนัก / เมื่อเราเล่นกล้ามได้หนัก เซลล์มัดกล้ามเนื้อก็จะมีมากขึ้น / เมื่อเซลล์มัดกล้ามเนื้อมีมากขึ้น มันก็จะเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดีมากขึ้น / เมื่อการเผาผลาญไขมันในร่างกายมันมีมากขึ้น ไขมันในร่างกายมันก็จะน้อยลง

       และเพื่อสนับสนุนคำพูดของผมที่ว่า "การทานมาก ก็สามารถทำให้ลดไขมันในร่างกายได้" ผมก็ขอยกตัวอย่างให้ดู ดังข้างล่างนี้ 


munfitnessblog.com

       ( ภาพบน ) คือคุณ Takeru Kobayashi ( ตอนนี้ ยังไม่ต้องทราบครับว่าเป็นใคร เดี๋ยวจะเอาไว้เฉลยตอนหลัง )  คือเมื่อดูจากในรูปก็จะรู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้เล่นกล้ามแน่ๆ โดยดูได้จากขนาดไบเซบที่ปูดโปนของเขา และรับรองได้ว่า เป็นการเล่นกล้ามแบบหนักๆด้วย ( น่าจะเป็นแนว Hardcore โดยดูจากขนาดแขน ) คือเพื่อนสมาชิกหลายคนที่เล่นกล้ามมาเป็นปี ก็ยังหุ่นสู้นายคนนี้ไม่ได้


arthurkade.com


munfitnessblog.com

       ( ภาพบน ) เมื่อคุณ Takeru Kobayashi เบ่งกล้ามแขน แล้วเปิดกล้ามท้องให้ดู ( อย่างที่เห็นในภาพข้างบนนั้น )  เพื่อนสมาชิกจะเห็นได้ว่า นอกจากจะเป็นนักกล้ามที่มีขนาดไบเซบใหญ่แล้ว เขายังมีกล้ามท้องทีคมชัด และเป็นหน้าท้องที่แบนราบอีกด้วย

       นั่นย่อมหมายความว่า กล้ามท้องเรียบแบน และชัดแบบคมกริบนี้ ไม่ได้มาจากการอดอาหารแน่ๆ  เพราะถ้าได้มาจากการอดอาหารแล้วล่ะก็ กล้ามไบเซบเขาจะไม่ปูดโปนเหมือนในรูปข้างบนก่อนหน้านี้จริงไหมครับ  คือถ้าเขาอดอาหาร เพื่อให้ได้กล้ามท้องแบนแบบนี้ ร่างกายเขาจะต้องแห้งหยองกรอดทั้งตัว จะไม่มีกล้ามเนื้อที่แขนให้เห็นขนาดนั้น

       แล้ว จากสองภาพข้างบนนี้ ผมจะเชื่อมโยงกับแนวความคิดของผมที่ว่า "การทานมาก ก็สามารถทำให้ลดไขมันได้" ได้อย่างไร? คำตอบก็คือ ให้ดูภาพข้างล่างนี้ครับ



spokeo.com

       ( ภาพบน ) นั่นก็คือ คุณ Takeru Kobayashi ที่มีกล้ามไบเซบขนาดใหญ่ และมีกล้ามท้องคมกริบนั้น เขาเป็นคนที่กินจุมากๆครับ  


arthurkade.com

       ( ภาพบน ) และไม่ใช่แค่การกินจุธรรมดานะครับ คือจากในรูปข้างบนนี้ คุณ Takeru Kobayashi  เขากินฮอทดอกได้มากเป็นอันดับ 1 ของโลกจนได้รับถ้วยรางวัล ถึง 5 ปีเลยทีเดียว ลองดูสถิติที่เขาทำไว้สิครับ

       - กินฮอทดอก 110 ชิ้นหมดในเวลา 10 นาที ที่การแข่งขัน the New York State Fair

       - กิน Buffalo wings จำนวน 337 ชิ้น หมดในเวลา 30 นาที ที่งาน The 20th Annual Wing Bowl on Febuary 3, 2012

       - กิน Cow Brains จำนวน 57 ชิ้น ( หนัก 17.7 ปอนด์ ) หมดใน 15 นาที ที่งาน Glutton Bowl

       - กินแฮมเบอร์เกอร์ 93 ชิ้น หมดภายใน 8 นาที ที่งาน the Krystal Square Of World Hamburger Eating Championship ที่ Chattanooga

       - กินทาโก้ 106 ชิ้นหมดใน 10 นาที ที่งาน Gringo Bandito Taco Challenge

       - กินบะหมี่โซบะ 21.3 ปอนด์ หมดใน 12 นาที


       นั่นก็หมายความว่า ถ้าทฤษฏีที่ว่า "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ" นั้นถูกต้องล่ะก็ คุณ Takeru Kobayashi จะต้องอ้วนเป็นหมูตุ๊ต๊ะ เพราะเขากินมากกว่าคนปกติหลายเท่าน่ะครับ  ดังนั้น การที่เขาไม่อ้วนทั้งๆที่ยังกินเยอะขนาดนี้ ( แถมยังมีกล้ามท้องคมกริบ และกล้ามชัดทั่วตัวอีกต่างหาก ) ก็แสดงว่า ทฤษฎี "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ" นี้ ไม่ถูกต้อง จริงไหมครับ?




       อาจมีเพื่อนสมาชิกบางท่านคิดว่า ตอนที่ถ่ายรูปข้างบนนี้ ( คือตอนถ่ายรูปก่อนเข้าแข่งขัน ) เขาอาจจะอดอาหารมา 3 - 4 เดือนก็ได้ หน้าท้องเลยแบนราบขนาดนั้น แล้วก็ถ่ายรูป พอถ่ายเสร็จจึงเริ่มกินแหลก

       ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ครับ ( เป็นไปไม่ได้ที่อดอาหารมา 3 - 4 เดือนเพื่อให้กล้ามท้องคมกริบเหมือนในรูป แล้วค่อยมาถ่ายรูปข้างบนนี้ )  ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ ก็เพราะ

       1.ถ้ากล้ามท้องแบนราบนี้ได้มาด้วยการอดอาหารจริงล่ะก็ ขนาดแขนและขนาดร่างกายทั่วตัวของเขา จะต้องแห้งหยองกรอด เหลือแต่เนื้อติดกระดูกไปทั้งตัว ( โดยเฉพาะที่ต้นแขน ) / แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขามีมัดกล้ามปูดโปนชัดเจนทั่วร่างกาย ซึ่งมาพร้อมกับหน้าท้องอันแบนราบแบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ / ดังนั้น ความคิดที่ว่าเขาอดอาหารก่อนถ่ายรูปข้างบนนี้ จึงตกไปครับ

       2.ผู้ที่เข้าแข่งขันระดับโลกในการกินแบบนี้ เขาต้องฝึกกินด้วยปริมาณเยอะๆ และกินบ่อยๆครับ เพื่อเป็นการฝึกให้เกิดความเคยชินไปที่การทำงานของกระบังลม ,การทำงานของกระเพาะ ในเวลากินด้วยปริมาณมากๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับเข้าทำการแข่งขันระดับโลก  / แต่ทำไมการกินเยอะๆ และบ่อยๆของ Takeru Kobayashi นั้น กลับไม่ทำให้เขาอ้วนเลย ( ในขณะที่เราหลายคน กินน้อย บางครั้งก็อดอาหาร แต่ยังอ้วนเกือบร้อยกิโล ) คำตอบก็คือว่า ก็เป็นเพราะเขาเล่นกล้ามนั่นเอง ( ผมไม่ได้ตู่นะครับ เพราะขนาดไบเซบของ Takeru Kobayashi ขนาดนั้น มันไม่ได้มาด้วยการกินมากๆแล้วนั่งเฉยๆหรอกครับ มันต้องมาจากการเล่นกล้าม )


       มีเพื่อนสมาชิกหลายท่าน ชอบลดไขมันด้วยวิธี อดอาหารแบบสุดโต่ง แถมยังพ่วงด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุด ก็ลดไขมันได้บ้าง ลดไม่ได้บ้าง แถมเสียสุขภาพอีก

       ผมก็เลยเลือกเอาตัวอย่างเคสของคุณ Takeru Kobayashi ที่ใช้วิธี กินมากแบบสุดโต่ง มาให้คุณดู เพราะกลับกลายเป็นว่าคุณ Takeru Kobayashi ที่กินมากแบบสุดโต่งนี้ ดันมีขนาดกล้ามแขนที่ใหญ่กว่าคนธรรมดา และมีกล้ามท้องที่ชัดและแบนเรียบ ไปเสียนี่

       ถ้าจะเอาสองเคสข้างบนนี้ ( คืออดอาหารแบบสุดโต่ง กับกินมากแบบสุดโต่ง ) มาทำเป็นรูปเปรียบเทียบ ก็จะเห็นได้ว่าทั้งสองเคสนี้ อยู่คนละปลายด้านกันของกระดานหกเลยทีเดียว ดังรูปข้างล่างนี้




       ก็ถ้าการลดไขมัน สามารถทำได้ด้วยการกินมากๆ ( อย่างเช่นในเคสของคุณ Takeru Kobayashi ) แล้วล่ะก็  จะง่ายกว่าไหม? ถ้าคุณจะเลือกวิธีการลดไขมันด้วยวิธีนี้  ( คือทานให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไปสร้างมัดกล้าม แล้วใช้มัดกล้ามนั้น มาเผาผลาญไขมันอีกทีหนึ่ง )

       หรือจะกลับไปใช้วิธีเดิมๆที่ผิดหลัก คือดันไปใช้หลัก "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ"  ซึ่งมันไม่ได้ผล เพราะเป็นการคิดเอาเอง / นอกจากไม่ได้ผลแล้ว คุณอาจจะได้ของแถมที่ตามมา ( ตามมาจากการพยายามอดอาหารของคุณ )  นั่นก็คือ เป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดโรคภัยต่างๆกับร่างกาย เพราะว่าภูมิคุ้มกันคุณบกพร่องอันเนื่องมาจากการขาดสารอาหารที่มีประโยชน์  อีกทั้งสมองยังไม่แล่น ทำมาหากินสู้คนอื่นเขาไม่ได้ เพราะสมองขาดโปรตีนไปหล่อเลี้ยง / หากินได้เงินมาเยอะแยะ แต่กลับกินเหมือนยาจก น่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก

       ไม่ว่าเป้าหมายของคุณ คือการลดไขมัน หรือการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ คุณก็จะต้องไม่กลัวเรื่องการกินมากๆครับ


bodybuildersinc.yuku.com

       เหตุก็เพราะ แก่นแท้ของกีฬาเพาะกายคือ กินมาก ,ฝึกหนัก และพักผ่อนมาก  ซึ่งคุณจะไม่เห็นคำว่า "กินน้อย" หรือคำว่า "อด" ในนิยามของการเพาะกายเลย  เอาล่ะ คุณอาจต้องกินน้อยบ้างในช่วงเตรียมตัวเข้าประกวด แต่ว่าจริงๆแล้ว คนที่เล่นกล้ามทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นประกวดถูกไหมครับ  อย่างคุณ Takeru Kobayashi เขาก็ไม่ได้ขึ้นประกวด แต่เขากลับมีกล้ามท้องที่คมชัด กล้ามชัดทั่วตัว โดยไม่ต้องอดอาหารเลย ( แถมยังทำตรงกันข้ามแบบสุดโต่งเสียอีก คือกินมากแบบสุดโต่ง


tnation.t-nation.com

( ภาพบน ) คนที่เป็นแชมป์กินจุระดับโลก อย่างคุณ Takeru Kobayashi ( ที่ยืนด้านขวา )
ดันมีกล้ามชัดกว่าคนธรรมดาเสียอีก

       ในเวบหน้านี้ ( ที่คุณอ่านตั้งแต่บนสุด จนมาถึงบรรทัดนี้ ) ผมไม่ได้สื่อสารกับคุณว่า  คุณต้องทานให้มากที่สุด ถึงจะมีกล้ามท้องชัดแบนเรียบ ปราศจากไขมันนะครับ / แต่สิ่งที่ผมกำลังสื่อสารกับคุณก็คือว่า คำพูดที่ว่า "ต้องทานให้น้อยกว่าที่ร่างกายจะใช้มันออกมา แล้วร่างกายจะได้มีไขมันน้อยๆ" นั้น ไม่มีอยู่จริง ต่างหากเล่าครับ  เพราะถ้ามันมีอยู่จริง มันก็จะต้องไม่มีเคสของคุณ Takeru Kobayashi ( ที่กินมากระดับโลก แต่ดันมีกล้ามชัดทั่วตัว กล้ามท้องคมกริบ และมีขนาดแขนที่ใหญ่และชัด ) เกิดขึ้นบนโลก จริงไหมครับ? เก็บไปคิดดูนะครับ ว่าคุณจะเลือกเชื่อใคร ระหว่าง ผม หรือจะเชื่อคนที่ให้ความคิดที่ว่าต้องกินแบบอดๆอยากๆเท่านั้น ถึงจะลดไขมันได้น่ะครับ / ถ้าเชื่อผม คุณก็เลิกอดอาหารเสียตั้งแต่วันนี้ แล้วก็กินตามปกติ กินให้เพียงพอ แล้วเริ่มจับลูกเหล็กมาเล่นเพาะกายได้แล้วครับ


- END -