Webmaster ตอบปัญหา

 
ถาม : ผมเล่นกล้ามมาก็นานแล้วครับอแต่ยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลย แต่ก็มีคนทักนะครับ จะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ครับ



ตอบ : จากคำถามที่เพื่อนสมาชิกถามมานี้ เพื่อนสมาชิกถามว่า จะทำอย่างไรกับ "ความรู้สึก" ตรงนี้ ?

       คือถ้าถามว่าทำอย่างไร กล้ามถึงจะโต? อันนี้ ก็จะตอบไปด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ หรือศาสตร์ของการเพาะกาย  ซึ่งเพื่อนสมาชิกสามารถหาอ่านได้ในส่วนต่างๆของเวบนี้อยู่แล้วนะครับ

       แต่ในเมื่อถามมาเรื่อง "ความรู้สึก" ก็จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์มาใช้ในการตอบคำถามนี้นะครับ ( ไม่เกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์ )



ทำไมนักเพาะกายบางคน

จึงยังเพาะกายอยู่ ทั้งๆที่อายุมากแล้ว

และไม่มีแรงจูงใจอะไรแล้ว


flickr.com

( ภาพบน ) ภาพ Dave Drapper ถ่ายไว้ในรายการประกวดมิสเตอร์อเมริกา ปี 1965 ( อายุ 23 ปี )


       ( ภาพบน ) ข้างบนนี้คือคุณ เดฟ  เดรเปอร์ ซึ่งเป็นนักเพาะกายที่ขึ้นประกวดในอดีตนะครับ

       โอเค ตอนที่เขายังอยู่ในช่วงประกวดนั้น "แรงจูงใจ" ที่ทำให้เขาเล่นกล้ามมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ก็คือการที่ต้องขึ้นประกวดอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงงานถ่ายแบบ งานโชว์ตัว ฯลฯ

       แต่คุณเดฟ  เดรเปอร์ ก็เกษียณตัวเองเมื่ออายุ 28 ปี ในปี พ.ศ.2513 คราวนี้ เรามาดูกันต่อว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น 




bufalocaido.site.pm 



tomfurman.com 



pinterest.com 



muscleandfitness.com 

       ( ภาพบน ) ในภาพข้างบนนี้ ก็คือคุณเดฟ  เดรเปอร์ ตอนที่อายุมากขึ้นแล้วนะครับ โดยเฉพาะ 2 ภาพข้างล่าง คือภาพถ่ายตอนนี้เขาอายุ 75 ปี

       สิ่งที่เกิดขึ้น และเป็นประเด็นที่ผมอยากฉุกให้คุณคิดก็คือ "ถ้า" การเล่นกล้ามต้องใช้แรงจูงใจ ถึงจะทำให้เล่นกล้ามได้ล่ะก็

       เหตุใด ในช่วง อายุ 28 ปีถึง 75 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่คุณเดฟ  เดรเปอร์ ไม่มีแรงจูงใจอะไรเหลือแล้ว ( เพราะเกษียณแล้ว ) ถึงยังเพาะกายอยู่ได้

       นั่นก็หมายความว่า แรงจูงใจ ไม่ใช่คำตอบสำหรับการทำให้การเพาะกายดำเนินอยู่ได้หรอกนะครับ

       แล้วอะไรคือ การที่ทำให้คุณเดฟ  เดรเปอร์ ยังเพาะกายอยู่ได้ ( ทั้งๆที่ไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย )

       คำตอบก็คือ "ไม่คิดอะไร" และทำให้การเพาะกายเป็นเหมือน การปฏิบัติภารกิจประจำวัน เหมือนกับการกินข้าว ,แปรงฟัน  /  ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า เราไม่เคยเบื่อกับการกินข้าว  การแปรงฟันเลย ทั้งๆที่เราต้องทำทุกวันตลอดชีวิต

       คนที่จะเพาะกายได้นานๆ จะต้องทำความคิดให้ได้แบบนี้ คือการ "ไม่คิดอะไร" และคิดว่าเป็น การปฏิบัติภารกิจประจำวัน อย่างหนึ่ง

       ถ้าคุณคิดว่า การเพาะกายจะต้องมีแรงจูงใจล่ะก็ สักวันหนึ่งคุณก็ต้องเลิกเล่นเพาะกายไป เพราะคุณหมดแรงจูงใจนั่นเองครับ ดังนั้น อย่าเอาการเพาะกายไปผูกกับแรงใจูงใจใดๆเลยนะครับ 



       วันไหนที่ไฟตก ก็ขอให้คุณเล่นแบบ "ไม่คิดอะไร" ไปเลยครับ  เล่นเหมือนซอมบี้ คือเล่นไปเรื่อยๆ

       นักเพาะกายระดับแชมป์ทั้งหลาย เขาก็มีทั้งวันที่ไฟตก และไฟไม่ตกนะครับ ก็เหมือนๆกับคนทั่วไปนั่นแหละ คือวันที่ไฟไม่ตก เราก็ไม่พูดถึง เพราะเขาก็จะกระฉับกระเฉง บริหารด้วยพลังเต็มเปี่ยม

       ที่เราจะต้องพูดถึงก็คือวันที่ ไฟตกนั่นเองครับ  พวกนักเพาะกายระดับแชมป์ทั้งหลาย เขาก็จะบริหารไปแบบ "ไม่คิดอะไร" คือบริหารไปแบบซอมบี้นั่นแหละครับ 

       อย่างนี้เขาถึงจะเรียกว่าเป็นความมีวินัยในการฝึกนะครับ  ไม่ใช่ว่า วันนี้ฉันรู้สึกไฟตก ไม่อยากเล่นกล้ามแล้ว ก็เลยตามใจตัวเอง คือไม่เล่นกล้ามเสียอ่ย่างนั้น   อย่างนี้รับรองว่าไม่ได้เป็นแชมป์แน่ครับ



เพิ่มไฟให้ตัวเอง

       ในหัวข้อแรกที่ผมแนะนำไปนั้น เป็น วิธีคิด นะครับ คือหมายความว่า หากวันไหนคุณรู้สึกว่าไฟตก ( เบื่อกับการเพาะกาย ) คุณก็ต้องคิดแบบที่ผมบอกไว้ คือ "ไม่คิดอะไร" และคิดว่าเป็น การปฏิบัติภารกิจประจำวัน อย่างหนึ่ง 

       แต่ในหัวข้อนี้ ที่ผมจะแนะนำนั้น เป็น วิธีปฏิบัติ นะครับ ( ต้องแยกให้ออกว่า วิธีคิด กับ วิธีปฏิบัติ ความหมายมันจะไม่เหมือนกัน )

       มีหลากหลายวิธีที่เราจะเพิ่มไฟให้ตัวเองนะครับ เช่นการใส่เสื้อแขนสั้น โชว์กล้ามแขน ฯลฯ เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเรามี "งานอดิเรกอะไร?" ( ซึ่งนั่นก็คือการเล่นกล้ามนั่นเอง )

       ถ้างานอดิเรกของคุุณคือการปลูกบอนไซ  คุณก็เอางานอดิเรกของคุณติดตัวไปโชว์คนอื่นไม่ได้  เพราะมันต้องตั้งไว้ที่บ้าน หรือตามนิทรรศการเท่านั้น 

       แต่ถ้าการเพาะกายเป็นงานอดิเรกของคุณ  คุณสามารถนำเอางานอดิเรกของคุณ ไปโชว์คนอื่นได้ตลอดเวลา เพราะมันติดตัวคุณอยู่   จึงคุ้มยิ่งนักที่คุณจะเลือกกีฬาเพาะกายเป็นงานอดิเรกของคุณ




       ( ภาพบน ) การถอดเสื้อโชว์กล้ามตามริมทะเล สระว่ายน้ำ ก็เป็นการเติมไฟให้คุณได้เหมือนกัน

       ไม่จำเป็นต้องมีมัดกล้ามแบบแชมป์เพาะกายก็ได้ เอาแค่เห็นความแตกต่างระหว่างตัวคุณที่เล่นกล้าม กับคนที่ไม่ได้เล่นกล้ามก็พอ  แค่นี้ คุณก็เดินโชว์กล้ามอกได้แล้ว 


       กีฬาเพาะกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว มันยังมีจุดเด่นอีกอย่างก็คือ มันออกแบบมาเพื่อ "เล่นกับสายตาของคนรอบข้าง

       ที่ว่า กีฬาเพาะกายนั้น มัน "เล่นกับสายตาของคนรอบข้าง" ก็เพราะว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นั้นจริงๆ   ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเห็นนักเพาะกายชอบเดินถอดเสื้อโชว์กล้าม  /  อย่าไปหมั่นไส้เขา เพราะมันเป็นรูปแบบเฉพาะของคนที่เลือกเล่นกีฬาตัวนี้ ( คือชอบโชว์


       ถ้าคุณเป็นนักวิ่ง และมีทักษะการวิ่งอย่างเต็มเปี่ยม ถึงคุณจะเดินถอดเสื้อ  สิ่งที่คนที่อยู่รอบข้างคุณเห็นก็คือ คนธรรมดา ที่รูปร่างสันทัด เท่านั้น เขาไม่ได้มองว่าคุณจะเป็นนักกีฬาเลย   /  ลองเทียบรูปร่างของนักวิ่ง กับ คนทั่วไป ที่รูปร่างสันทัด และไม่เคยออกกำลังกายดูสิ ไม่ต่างอะไรกันเลย 

       แต่ถ้าคุณเลือกกีฬาเพาะกาย แม้ว่าคุณจะ "ไม่มีทักษะ" หรือความสามารถทางด้านกีฬาอะไรเลย แต่การเพาะกายก็จะสร้างให้คุณเป็น "เป้าสายตา" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ( กีฬาเพาะกาย ไม่ต้องอาศัยทักษะทางด้านกีฬา แต่อย่างใด )


       กีฬาเพาะกาย ทำให้คุณได้ ออกกำลัง พร้อมๆกับการสร้างบุคลิกภาพ  ในขณะที่กีฬาตัวอื่นทำไม่ได้  ยกตัวอย่างเช่น กีฬาวิ่ง ( ขอยกตัวอย่างอีกทีหนึ่ง เพราะมันเห็นขัดเหลือเกิน

       การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ทำให้ร่างกายแข็งแรงก็จริง ( ซึ่งกีฬาเพาะกายก็ทำได้ ) "แต่" ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของบุคลิกภาพเลย  /  ดังนั้น เราจึงยังเห็นคนที่ประกาศตัวว่าเป็นนักวิ่ง แต่ยังเดิน "หลังค่อม" เหมือนคนขี้แพ้อยู่เลย

       ในขณะที่ คนที่ประกาศตัวว่าเป็นนักเพาะกายนั้น  ตั้งแต่ผมศึกษาเรื่องการเพาะกายมาเกือบจะ 40 ปีนี้ ผมยังไม่เห็นนักเพาะกายคนไหนเดินหลังค่อม ( เหมือนคนชี้แพ้ ) เลย  สิ่งที่ผมเห็นคือ ผมเห็นคนที่เป็นนักเพาะกายเขาเดินองอาจ ผึ่งผาย และดูมีบุคลิกภาพ 



ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของกีฬาเพาะกาย

hss.edu 
( ภาพบน ) เด็กรุ่นหลัง จะตามเราไม่ทัน


       ( ภาพบน ) กีฬาเพาะกายมีข้อดีคือ มันมี "ความยุติธรรม"

       มี "ความยุติธรรม" อย่างไร? คำว่า "ความยุติธรรม" ในความหมายของผมก็หมายถึงอย่างนี้นะครับ

       ผมขอยกตัวอย่างเรื่อง การวาดภาพ การร้องเพลง นะครับ

       สมมติว่าคุณฝึกวาดภาพ หรือ ฝึกร้องเพลงมาเป็นเวลา 5 ปีเต็มๆ จนมีความสามารถในระดับหนึ่งแล้ว  /  อยู่ๆวันหนึ่ง ก็มีเด็กรุ่นหลังคุณ มาฝึกวาดภาพ ฝึกร้องเพลง เหมือนคุณ

       ปรากฏว่าภายใน 3 เดือน เด็กคนนั้น กลับมีความสามารถในการวาดภาพ หรือการร้องเพลง เหนือกว่าคุณเสียแล้ว  ในขณะที่คุณฝึกวาดภาพ หรือฝึกร้องเพลง มาเป็นเวลา  5 ปีเต็มๆ  ยังสู้เด็กคนนั้นไม่ได้ ( เพราะบังเอิญว่าเด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ในเรื่องการวาดภาพ หรือร้องเพลง อย่างคาดไม่ถึง

       อย่างนี้มันน่าเจ็บใจ และผมก็จะเรียกว่าไม่ยุติธรรมนะครับ ( คือไม่ยุติธรรมในเรื่องโชคชะตา ,วิถีโลกนะครับ )


       แต่ที่ผมพูดว่ากีฬาเพาะกายมีข้อดีคือ มันมี "ความยุติธรรม" ก็หมายถึงว่า

       ถ้าคุณฝึกเพาะกายมาเป็นเวลา 5 ปีเต็มๆ จนมีมัดกล้ามน่าพอใจระดับหนึ่งแล้ว  /  อยู่มาวันหนึ่ง มีเด็กรุ่นหลังคุณ เห็นคุณมีกล้ามสวย และอยากมีกล้ามแบบคุณบ้าง ก็เลยมาฝึกเล่นกล้ามแบบคุณ

       อย่างนี้ ต่อให้เด็กคนนี้ ( คนที่มาฝึกเพาะกายแบบคุณ ) ฝึกมา 3 เดือน เด็กคนนั้น ก็ยังมีกล้ามเนื้อ "ห่างชั้นจากคุณมาก" กระดุกคนละเบอร์เลย

       เห็นไหมครับว่า เมื่อเด็กรุ่นหลังคุณ อยากมีหุ่นอย่างคุณบ้าง เขาก็ต้องเริ่มฝึกโดยนับจากศูนย์  โดยที่ตอนนั้น คุณก้าวหน้าไปกว่าเขา 5 ปีแล้ว  ไม่มีทางที่กรรมพันธุ์ของเขา จะทำให้เขามี กล้ามอก กล้ามปีก กล้ามแขน และกล้ามขา แบบคุณได้เลย เพราะ กล้ามอก กล้ามปีก กล้ามแขน และกล้ามขาของคุณนั้น มันมาจากการเพาะกายล้วนๆ ซึ่งคุณเพาะกายมาก่อนเด็กคนนั้นถึง 5 ปี

       อย่างนี้ผมถึงเรียกว่า "ความยุติธรรม" เพราะว่าคนที่ฝึกก่อน ย่อมประสบความสำเร็จก่อนคนที่ฝึกทีหลังนั่นเอง

      
เมื่อเขาฝึกไปได้ 5 ปี คุณก็จะฝึกไปได้ 10 ปี  /  พูดง่ายๆว่าคุณจะห่างจากเขาเป็นระยะเวลา 5 ปีไปตลอด

       นี่คือข้อดีของกีฬาเพาะกายครับ มันเป็น "ความยุติธรรม" อย่างแท้จริง  /  เริ่มฝึกเสียตั้งแต่วันนี้เลยครับ  แล้วเด็กรุ่นหลังหน้าอ่อนๆ ก็จะไม่มีทางตามคุณทันแน่นอนครับ



- END -


  



* * * หน้าเวบ "ในส่วนที่อยู่ด้านล่างลงไปนี้" เป็นแบบฟอร์มที่ทาง Webmaster เก็บเอาไว้บริหารจัดการ ตอนที่จะซ่อมแซม หรือปรับปรุงหน้าเวบ "ในส่วนที่อยู่ด้านบน" ในอนาคตครับ  /  คือหมายความว่า หน้าเวบ "ในส่วนที่อยู่ด้านล่างลงไปนี้" ไม่ได้มีไว้สำหรับให้อ่านครับ 



/- - - แบบที่ 1 - - -  


/- - - แบบที่ 1 - - -  


       - - - แบบที่ 1 - - -  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

- - - แบบที่ 1 - - -  


  

- - - แบบที่ 1 - - -  


      


             


                     


                           


  




      


              


                    



  


- - - ข้างล่างนี้เป็นของเก่าที่เคยทำไว้ ยังใช้อยู่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว - - -  


  



:/
















:/


* * *

* * *

* * *

* * *

* * *

* * *



:/










:/


      

      

      

      

      

      



:/


/  สวัสดีครับ * * * *

      

      

      

      

      

      


       ทีมงาน tuvagroup.com  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

       ทีมงานเพาะกายครับ  



:/


คำถาม : :/


คำตอบ :


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

คำถาม : :/


คำตอบ :


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

คำถาม : :/


คำตอบ :


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  








* * * หากภาพในหน้าเวบนี้ขึ้นไม่ครบ กรุณาคลิ๊กที่เมนู "Reload this page" นะครับ  /  ถ้าหาเมนูนี้ไม่พบ ให้อ่านคำแนะนำที่ลิงก์นี้นะครับ  http://www.tuvagroup.com/7fvhp-A-03-Q-591211-1724.html 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - 









ชื่อจริง : Shawn Rhoden

นามแฝง : Flexatron

วันเดือนปีที่เกิด : 2 เมษายน 2518  /  April 2, 1975  /  ภาพที่เห็นในหน้าเวบนี้ เป็นการบันทึกภาพในช่วงอายุ 25 - 38 ปี / หน้าเวบนี้ Upload เมื่อ พ.ศ.  ( ค.ศ.  )

สถานที่เกิด :  

ที่อยู่ปัจจุบัน :  

ความสูง : 175 เซนติเมตร  /  5 ฟุต 10 นิ้ว

สัดส่วน : ต้นแขน 21 นิ้ว  /  หน้าอก 56 นิ้ว  /  ต้นขา 34 นิ้ว  /  น่อง 19 นิ้ว  /  เอว 32 นิ้ว

น้ำหนัก : ช่วงนอกฤดูการแข่งขัน 134 - 136 กก. ( 295 - 300 ปอนด์ )  /  ช่วงฤดูการแข่งขัน 127 - 129 กก. ( 280 - 285 ปอนด์ )

จุดเด่นบนร่างกาย :  

ข้อมูลที่น่าสนใจ :  


ได้ใบรับรองเป็นนักเพาะกายอาชีพ : จากการประกวดในรายการ ( ขณะที่อายุ 25 ปี )


ข้อมูลข้างบนนี้ อ้างอิงจาก :  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  

ประวัติโดยสังเขป :  








ข้อมูลข้างบนนี้ อ้างอิงจาก :  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

รายการประกวดที่ผ่านมา : ( นับถึงปี พ.ศ.  ( ค.ศ.  ) )




ข้อมูลข้างบนนี้ อ้างอิงจาก :  


- - - - - - - - - - - - - - - - - - -  








* * * จะบริหารท่านี้ได้ ต้องมีอุปกรณ์เหมือนในภาพข้างบนนี้ก่อนนะครับ * * *








   จะบริหารท่านี้ได้ เพื่อนสมาชิกจะต้องมีอุปกรณ์เหมือนในภาพด้านซ้ายมือนี้ก่อนนะครับ  






   จะบริหารท่านี้ได้ เพื่อนสมาชิกจะต้องมีอุปกรณ์เหมือนในภาพด้านซ้ายมือนี้ก่อนนะครับ  
 






   จะบริหารท่านี้ได้ เพื่อนสมาชิกจะต้องมีอุปกรณ์เหมือนในภาพด้านซ้ายมือนี้ก่อนนะครับ  
 
 






   จะบริหารท่านี้ได้ เพื่อนสมาชิกจะต้องมีอุปกรณ์เหมือนในภาพด้านซ้ายมือนี้ก่อนนะครับ  
 
 
 






   
จังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2






   
จังหวะที่ 1 จังหวะที่ 2






 
จังหวะที่ 1 ( ภาพบน )





 
จังหวะที่ 2 ( ภาพบน )









วีดีโอข้างล่างนี้  /  ให้ดูที่เวลา ..... เป็นต้นไป  /  ให้ดูที่เวลา ..... ถึงเวลา ..... เท่านั้น



 

ให้ดูที่เวลา ..... เป็นต้นไป  /  ให้ดูที่เวลา ..... ถึงเวลา ..... เท่านั้น

ชื่อหัวข้อเรื่อง ( ทำลิงก์ไว้ในหัวข้อเลย )

โดย

วิธีใช้วีดีโอ  /  วิธีแจ้งวีดีโอลิงก์ขาด









วีดีโอข้างล่างนี้  /  ให้ดูที่เวลา ..... เป็นต้นไป  /  ให้ดูที่เวลา ..... ถึงเวลา ..... เท่านั้น

 

ให้ดูที่เวลา ..... เป็นต้นไป  /  ให้ดูที่เวลา ..... ถึงเวลา ..... เท่านั้น

ชื่อหัวข้อเรื่อง ( ทำลิงก์ไว้ในหัวข้อเลย )

โดย

วิธีใช้วีดีโอ  /  วิธีแจ้งวีดีโอลิงก์ขาด









:/









:/






 
รหัสภาพ


( ภาพบน ) :/

ภาพข้างบนนี้มาจาก
















         ( ภาพบน )








       ( ภาพบน )

      

      

      

      

      










:/




 
รหัสภาพ
( ภาพบน ) :/

ภาพข้างบนนี้มาจาก
















         ( ภาพบน )







       ( ภาพบน )

      

      

      

      

      










- END -








หน้าถัดไป








1  ><  2  ><  3  ><  4  ><  5  ><  6  ><  7  ><  8  ><  9  ><  10  >< 

><  11  ><  12  ><  13  ><  14  ><  15  ><  16  ><  17  ><  18  ><  19  ><  20