- หน้า 2 - |
1.ใช้พลังจิตคิดว่าคุณสามารถกู้
หรือสร้างเรือของคุณได้ สมัยเด็กๆ เมื่อมีคนถามคุณว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร? คุณจะตอบทันทีว่าจะต้องเป็นนักบินอวกาศ ,เป็นนักวาดการ์ตูน ,เป็นดารา ,เป็นไอ้มดแดง ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้มันชัดเจนอยู่ในใจของคุณ (ขณะเป็นเด็ก) ตลอดเวลา แต่เมื่อเราโตขึ้นเรื่อยๆ การเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและสังคม กลับตีกรอบความคิดเรา ทำให้เรารู้จักคำว่า "ความเป็นไปไม่ได้" ทั้งๆที่คุณอาจจะได้เป็นนักวาดการ์ตูนมือหนึ่งของโลกก็ได้ แต่พ่อแม่คุณไม่ส่งเสริม หรือคุณอาจถูกตัดโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือ เพียงเพราะสังคมบอกคุณว่ามันเป็นอาชีพที่ไม่ทำเงิน ฯลฯ แล้วมาถึงตอนนี้ คุณยังจะต้องถูกทำให้คิดว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นนักเพาะกายอีกหรือ? จงทำใจให้เหมือนเด็ก - คุณรู้ไหมว่าเคล็ดลับของผู้ประสบความสำเร็จด้านต่างๆในโลกหลายๆคน เขาไม่รู้จักคำว่า "ความเป็นไปไม่ได้" เอาเสียเลย ไม่อย่างนั้น คงไม่มีคนไปเหยียบดวงจันทร์ (เพราะใครๆก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้) หรือคงไม่มีคนทำเครื่องบินให้เราบิน (เพราะใครๆก็คิดว่าของที่หนักกว่าอากาศ และไม่มีปีกกระพือขึ้นลง ย่อมไม่สามารถลอยในอากาศได้) นั่นคือ คุณจะต้องทำใจให้ปล่อยวางกฎเกณฑ์หรือสิ่งที่ตีกรอบทั้งหมดรอบตัวคุณ แล้ว คิดเหมือนตอนคุณเป็นเด็ก ว่า "คุณทำได้" จงสร้างภาพในใจว่าคุณสามารถเป็นสิ่งที่คุณอยากเป็นได้ โดยไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น |
|
คิดอย่างเด็กเล็ก เพื่อสร้าง "ความเป็นไปได้" ในใจคุณ |
จากนั้นจึงสร้างภาพในใจ ให้ตัวเองเป็นสิ่งนั้น - อังเดร อากัสซี นักเทนนิสมือหนึ่งของโลกหลายปีซ้อน ต่อมา ฟอร์มการเล่นของเขาตกลงมากจนไม่ได้แชมป์รายการใดๆเลย เขาจึงเข้าพบโทนี่ รอบบินส์ นักพัฒนาศักยภาพบุคคล และเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง แล้วได้รับคำแนะนำว่า "เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะภาพแห่งความเป็นแชมป์ในใจของเขาได้หายไป" แอนโทนีส์จึงเปิดเทปวีดีโอการตีเทนนิสของอังเดรฯ เมื่อสมัยประสบความสำเร็จอย่างมากให้ตัวอังเดรฯดูเอง แล้วแนะนำว่าอังเดรฯจะต้องทำท่าทาง ,สีหน้า ,แววตา และความคิดให้เหมือนกับตัวเองในเทปที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนนั้น อังเดรฯจึง สร้างภาพตัวเอง ให้เป็นตัวเองเมื่อหลายปีก่อนในเทปนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดบนคอร์ด ,แววตาอันโหดเหี้ยม การควงแร็กเก็ตฯลฯ และปรากฏว่าอังเดรฯก็กลับมาประสบความสำเร็จ และเป็นแชมป์ได้อีกอย่างงดงาม กุญแจของเรื่องนี้คือ หลังจากที่เราทำใจให้เป็นเด็ก จนกล้าที่จะคิดว่าเราสามารถเป็นนักเพาะกายได้แล้ว (แม้ว่าเวลาที่ทำงานจะไม่เอื้อ แต่ผมบอกแล้วไงว่าห้ามคิด ตอนนี้ความคิดคุณเป็นเด็กอยู่ จำได้ไหมครับ) คุณก็จงมองเห็นภาพตัวเองเป็นตัวเองเมื่อตอนที่คุณยังเล่นกล้ามอยู่ วิธีพูด ,วิธีเดินเชิดคาง ,วิธีแอบเบ่งกล้ามแขนโชว์ตอนกำลังจับราวบนรถเมลล์ ,ลองคิดถึงความมั่นใจตัวเองเวลาเดินอยู่ในที่ต่างๆ ฯลฯ คุณต้องสร้างภาพว่าคุณกลับมาเป็นตัวคุณเมื่อสมัยยังเพาะกายอีกครั้ง เหมือนกับคิดว่าคุณสามารถกู้เรือคุณขึ้นมาได้ หรือหากคุณกำลังจะเล่นกล้าม (กำลังจะสร้างเรือ) คุณก็หา แม่แบบ เอามาสร้างภาพก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอายุ 40 ปีแล้ว คุณก็ลองนึกถึงคุณเควิน เลฟโรน ซึ่งขณะที่ถ่ายภาพข้างล่างนี้ เขาก็อายุ 40 ปีเท่ากับคุณ เอามาเป็นแม่แบบให้เห็นเด่นชัดในใจ และคุณควรรู้ว่าตัวเควินฯ เองก็ทำงานอยู่บริษัทประกันภัย และยังเป็นนักดนตรีในวง ฟูลบราวน์ เขาก็ยังประสบความสำเร็จในการสร้างกล้ามได้ทั้งๆที่ไม่ได้มีเวลาว่างอะไร |
|
2.อุดรูรั่ว เมื่อคุณผ่านขั้นตอนแรก คือการสร้างจิตใจให้พร้อมแล้ว ในหัวข้อต่อไปนี้ ก็จะพูดถึงการลงมือปฏิบัติกันแล้ว คำว่า "การอุดรูรั่ว" ในที่นี้ ก็คือการเริ่มจับลูกเหล็กอีกครั้ง ของคุณนั่นเอง ขณะที่งานคุณยุ่งๆอยู่ พอคุณนึกถึงการเพาะกาย คุณก็จะนึกถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเพาะกาย อันได้แก่การเดินทางไปโรงยิม และการเตรียมเรี่ยวแรงเป็นอย่างมากเพื่อจะต่อสู้กับลูกน้ำหนัก พอเอามารวมกันแล้ว วิเคราะห์ด้วยปริมาณพลังงานในตัวที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน และระยะเวลาการเดินทางแล้ว แทบจะไม่อยากจับลูกเหล็กเลย ซึ่งทางออกที่ผมจะนำมาแนะนำ มีดังนี้คือ หาอุปกรณ์มาฝึกที่บ้าน |
|
|
|
การที่เราเล่นกล้ามที่บ้านนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีอุปกรณ์ครบเหมือนที่โรงยิม ทำให้ไม่สามารถบริหารบางท่าได้ แต่ให้เราเอาเรื่อง "ความถี่" มาหักล้างได้ เช่น เราเล่นท่า SQUAT (คลิ๊กเพื่อดูภาพ)ที่เป็นท่า King ได้บ่อยมากๆ กล้ามขาเราก็จะถูกพัฒนาไปอย่างมาก โดยไม่ต้องบริหารท่า LEG PRESSES หรือ HACK SQUAT เลย สิ่งสำคัญคือ ทำให้เราเล่นเมื่อไรก็ได้ เลิกงานแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องแวะโรงยิมอีก ทำให้เรามีเวลานอนหลับสักงีบก่อนเล่นกล้ามได้ด้วย สิ่งที่แนะนำอีกข้อหนึ่งคือ ในวันหนึ่งๆอย่าเล่นรวมเป็นเวลาเดียวกัน |
|
|
การที่ไม่ให้รวมการเล่นกล้ามไว้ในเวลาเดียวกัน ก็เนื่องมาจากความหลังของคุณนั้นเอง เพราะสมัยก่อนคุณต้องบริหารอย่างหนักที่โรงยิม จนเกิดภาพว่าการบริหารอย่างหนักนั้นเป็น "ยาขม" ที่คุณจำเป็นต้องกิน แต่พอมาถึงทุกวันนี้ หากมีอะไรมาสะกิดคุณนิดเดียว เช่นวันนี้พึ่งโดนนายด่ามา รู้สึกเครียดเหลือเกิน คุณก็จะหาเหตุไม่กินยาขม คือ"ไม่ฝึก" ในวันนั้นทันที และถ้าปล่อยไป มันก็จะลุกลามไปสู่การเลิกเพาะกายไปอีก ดังนั้นคุณจะต้องจัดการยาขมตัวนี้ โดยทำให้มันน่ากินเสียก่อน วิคเตอร์ฯใช้วิธีแบ่งการเล่นกล้ามออกเป็นชิ้นเล็กๆ แทนที่จะต้องทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการบริหารคราวเดียว (ไม่ใช่เล่นกล้ามแขน 2 ท่าในช่วงเช้า แล้วไปเล่นกล้ามแขนต่ออีก 1 ท่าในช่วงบ่ายนะครับ หมายถึงว่าจะแยกชิ้นเนื้อบริหารให้เสร็จเป็นชิ้นๆไป อาจจะช่วงละ 2 ชิ้นเช่น เช้าบริหารหน้าอกกับไบเซบเลย หรือบางครั้งก็อาจจะช่วงละ 1 ชิ้น เช่น เช้าบริหารหน้าอก บ่ายบริหารไบเซบ เย็นบริหารปีก ฯลฯ ขึ้นอยู่กับพละกำลังที่มีในตัวในขณะนั้น ) เอาละ..คราวนี้ เราจะเอาหลักการข้างต้นทั้งหมดมารวมกัน แล้วทำให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยให้จินตนาการว่า การเล่นกล้ามของคุณก็คือ "เงิน" และคุณจะต้อง "ตุน" ให้มากที่สุด และทำทุกเวลาที่สามารถทำได้ นั่นคือรูปแบบชีวิตคุณจะเป็นดังนี้ ตื่นนอน - ก่อนจะอาบน้ำเพื่อไปทำงาน ให้คุณเดินไปที่ออกกำลังในบ้านคุณเพื่อเริ่มโกยเงินกันแต่เช้าเลย โดยหยิบลูกเหล็กขึ้นมาแล้วบริหารเรียงลำดับต่อไปนี้ อก ไบเซบ ปีก ไทรเซบ บ่า หัวไหล่ ต้นขา (จำลำดับให้ดี) โดยเล่นไป ถามตัวเองไปว่าจะหยุดแค่ไหน เช่นถ้าเล่นได้แค่ อก อย่างเดียวก็รู้สึกอยากไปทำงานแล้ว คุณก็วางลูกเหล็กแล้วไปทำงานเลย ได้เท่าไรเอาเท่านั้น แต่ให้จำไว้ในใจว่าคุณเล่นอกไปแล้ว ลำดับต่อไปที่จะเล่นคือไบเซบ ฯลฯ ตอนเที่ยง - หลังทานข้าวเสร็จ ก็มาออกกำลังหัวไหล่ โดยหาดัมเบลล์ไปไว้ที่ทำงาน 1-2 ลูก (จริงอยู่ที่ไม่ควรออกกำลังกายหลังทานข้าว แต่ Rule is no rules จำได้ไหม?) แล้วบริหารท่า ONE ARM SIDE LATERAL RAISE หรือ ONE ARM BENT - OVER LATERAL RAISE หรือ ALTERNATE DUMBBELL FRONT RAISE (คลิ๊กเพื่อดูภาพ) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้ แล้วคุณเอาไปตัดจากบัญชีว่าได้บริหารหัวไหล่ไปแล้ว คุณสามารถเล่นหัวไหล่ได้ทุกวัน โดยใช้ดัมเบลล์ขนาดเบาๆ (ใช้น้ำหนักมากแต่เล่นอาทิตย์ละครั้ง ทดแทนได้ด้วย ใช้น้ำหนักน้อยมากแต่เล่นทุกวัน) ซึ่งการบริหารด้วยน้ำหนักเบาๆอย่างนี้ เหงื่อจะไม่ออกเหมือนการวิ่ง ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวว่าตัวจะเหนียวเหนอะหนะระหว่างการทำงานในช่วงบ่าย (นี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการเพาะกาย ซึ่งบางคนเข้าใจผิดว่าถ้าเหงื่อไม่ออกแสดงว่าไม่ได้ผล ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะหลักการเพาะกายคือการให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงต้านกับลูกน้ำหนักเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรักษาระดับความเย็นของร่างกาย (เหงื่อไหลออกมา เพื่อรักษาระดับความเย็นรอบผิวหนัง) ว่าจะมีหรือไม่) ตอนเย็น - ก่อนอาบน้ำ ให้เดินมาที่ออกกำลังแล้วเริ่มตุนกันต่อ โดยเรียงลำดับต่อจากเมื่อเช้า แล้วร่างกายจะบอกคุณเองว่าวันนั้นคุณจะบริหารต่อได้ถึงไหน คุณอาจรวบเป็นไบเซบ ปีก ไทรเซบ เลยก็ได้ หรืออาจได้แค่ไบเซบอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหา ให้ดูว่าเรี่ยวแรงในวันนั้นของคุณเหลือพอที่จะทำได้เท่าไร จากนั้นก็อาบน้ำแล้วทำภารกิจส่วนตัวจนเข้านอน ตื่นนอนวันที่ 2 - คราวนี้ก็บริหารต่อจากตอนเย็นเมื่อวาน (ทางที่ดี ก็ควรจะเขียนเรียงลำดับกล้ามเนื้อไว้ในกระดาษด้วย เดี๋ยวงง) เอาเท่าที่ทำได้ แล้วไปทำงาน ตอนเที่ยงวันที่ 2 - บริหารหัวไหล่หลังทานอาหารกลางวัน ตอนเย็นวันที่ 2 - ก่อนอาบน้ำก็บริหารอย่างอื่นต่อ แต่ตัดหัวไหล่ออกไปเลย วันไหนเบื่อๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นตามยิมที่สวนสาธารณะบ้างก็ได้ โดยบริหารเรียงลำดับกล้ามเนื้อต่อไปเลย โดยทั้งหมดนี้ ให้ใช้หลักการว่า 1.ให้ทำทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เพราะคุณต้อง "ตุน" เอาไว้ก่อน เผื่อว่าวันไหน มีงานพิเศษที่เจ้านายคุณใช้งานจนดึกแล้วกลับมาบริหารไม่ได้ หรือบางวันพลังงานในตัวถึงขั้นติดลบบริหารไม่ไหว คุณก็จะหยุดได้ด้วยความสบายใจ 2.การเอาการยกน้ำหนักไปผูกติดกับ การอาบน้ำ ถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง เพราะถ้าเอาไปผูกติดกับการที่ว่าจะไปทำงานแล้วค่อยเล่นนั้น จะทำให้เวลาเสาร์อาทิตย์มันไม่มีจุดไปกระทบกันได้เพราะคุณไม่ได้ไปทำงานเสาร์อาทิตย์ แต่ถ้าเอาไปผูกติดอยู่กับการอาบน้ำแล้วล่ะก็ แม้ว่าจะเป็นเสาร์อาทิตย์คุณก็ต้องอาบน้ำเช้าและเย็นอยู่แล้ว จึงเลี่ยงการเล่นกล้ามไปไม่ได้นั่นเอง ให้ทำให้ติดเป็นนิสัยจนชินว่า เล่นกล้ามก่อนอาบน้ำทุกครั้ง 3.ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ในการตัดสินใจเอาเองว่าวันนี้จะเล่นโดยใช้น้ำหนักมากหรือน้ำหนักน้อย ถ้าวันนั้นรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเยอะ ก็เล่นหนักๆ เล่นหลายท่า เล่นกล้ามเนื้อหลายชิ้น วันไหน รู้สึกไม่สนุกก็เล่นน้อยๆ แต่ควรเรียงลำดับการบริหารกล้ามเนื้อ อย่าสลับไปมา เช่นวันนี้เรี่ยวแรงเยอะ แต่บังเอิญต้องบริหารไบเซบ คุณก็คิดว่าน่าจะสลับเอาปีกมาบริหารก่อน เพราะแรงเยอะ ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็จะทำให้ไบเซบคุณไม่มีโอกาสได้รับการบริหารในวันที่คุณมีเรี่ยวแรงเต็มเลย 4.สำหรับกล้ามหัวไหล่ที่เอาไปเล่นตอนกลางวันนั้น ถ้าไม่สะดวกที่จะไปเล่นที่ทำงาน ก็ให้เอากลับมาใส่บัญชี แล้วบริหารเรียงลำดับไป เหมือนกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ แต่ใช้น้ำหนักที่มากขึ้นกว่าตอนเล่นที่ทำงาน เพราะคุณไม่สามารถเอาเรื่องความถี่โดยใช้น้ำหนักเบา มาแทนการใช้น้ำหนักมากๆแต่เล่นนานๆครั้งได้อีกแล้ว 5.เปิด ดรรชนีท่าฝึก (คลิ๊กเพื่อเปิด) แล้วเลือกท่ามาบริหารดังนี้คือ หน้าอก เลือกมาบริหาร 3 ท่า ,ไบเซบ เลือกมาบริหาร 2 ท่า ,ปีก เลือกมาบริหาร 3 ท่า ,ไทรเซบ เลือกมาบริหาร 2 ท่า ,บ่า เลือกมาบริหาร 2 ท่า ,หัวไหล่เลือกมาบริหาร 1 ท่า ,ต้นขา เลือกมาบริหาร 2 ท่า 6.กล้ามน่อง และกล้ามท้อง ให้เลือกมาบริหารอย่างละ 1 ท่า ให้บริหารหลังเล่นกล้ามหัวไหล่ตอนกลางวัน โดยสลับกล้ามน่องกับกล้ามท้อง ให้เล่นคนละวัน (คุณสมบัติของกล้ามน่องกับกล้ามท้อง คือเล่นบ่อยเท่าไรก็ได้ แต่ไม่สำคัญเท่ากับกล้ามเนื้อส่วนอื่น จึงไม่ได้เอาไปใส่ไว้ในบัญชีตามปกติ) 7.ถ้าวันไหนต้องห่างที่ออกกำลัง เช่นต้องไปทำธุระต่างจังหวัดแล้วต้องค้างคืน ก็ให้เอาดัมเบลล์ติดไป 2 ลูก แล้วบริหารพวกท่าที่ใช้ดัมเบลล์ได้ เช่นหน้าแขน ,หลังแขน ,หัวไหล่ เสร็จแล้วก็เอาไปตัดจากบัญชีเรียงลำดับกล้ามเนื้อว่าในรอบนี้ไม่ต้องบริหารกล้ามเนื้อที่คุณเล่นที่โรงแรมแล้ว |
|
|