ความอิจฉาในโรงยิม

โดย  ดอกเตอร์ JUDD   BIASIOTTO 

ด็อกเตอร์ Judd เป็นอดีตนักยกน้ำหนัก ที่ทำลายสถิติโลก ด้วยท่า SQUATS หลายครั้ง เขาเขียนหนังสือ 21 เล่ม ถูกจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

jealous.jpg

          หลังจากเพาะกายอย่างหนัก เป็นเวลาถึง 4 ปี และเข้าประกวดบางรายการ ตอนนี้ถึงเวลาที่สตีฟ จะทำสิ่งที่ท้าทายขึ้น คือการเข้าร่วมประกวดเพาะกาย รายการใหญ่ขึ้น ช่วงนี้เอง ที่สตีฟต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน เขาฝึกทุกวัน ทุกสัปดาห์ บางวันเขาฝึกหนักมาก จนแทบไม่มีแรงเดินออกจากยิมเลย เวลานอนก็นอนลำบาก เพราะเจ็บปวดกล้ามเนื้อไปทั่วทั้งตัว แต่เมื่อตั้งใจแล้ว ความเจ็บปวดแค่นี้ มันเป็นเรื่องเล็ก
          การกระทำของสตีฟ น่าจะเป็นการสร้างความประทับใจ ให้แก่คนในโรงยิมทั้งหลาย เพราะสิ่งที่เขาแสดงออก คือความมุ่งมั่น การฝึกหนัก การใช้แผ่นน้ำหนักมากๆ การมาบริหารทุกวัน มิได้ขาดเลย แต่แทนที่คนจะชื่นชม มันไม่เป็นเช่นนั้น  กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ได้รับคือ หลายคนในยิม ตั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์สตีฟ ว่าเขาใช้สเตอรอยด์  เขาหยิ่ง  เขาเป็นคนไม่ได้เรื่อง  ยิ่งร่างกายสตีฟ ดูดีมากขึ้นเท่าไร คำติฉินนินทา ก็มากขึ้นตามไปด้วย จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนกระจายข่าวออกไปว่า สตีฟเคยโดนจับ ฐานแอบขายสเตอรอยด์ให้คนอื่น ข่าวนี้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว แล้วเหมือนจะจงใจให้สตีฟได้ยินซะด้วย
          ตอนนี้เหลือเวลาเพียงเดือนเดียว ก็จะถึงเวลาประกวดแล้ว แต่ตอนนี้สตีฟประสบปัญหามาก เขาขาดสมาธิ ขาดการวางเป้าหมาย ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย ดูเขาจะรับรู้สิ่งที่คนอื่น นินทาเกี่ยวกับตัวเขาทั้งหมด และแน่นอน เมื่อเชารับมันเข้ามา มันก็ทำให้การฝึกของเขา เริ่มตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเวลาประกวดมาถึง  สตีฟก็มีทุกอย่างแล้วยกเว้นความพร้อม  ทำให้เขาพลาดทุกๆตำแหน่ง เพราะร่างกายเขา ดูอุ้มน้ำและมีไขมันมากเกินไป
สตีฟทำตัวเอง
          หลังจากความพ่ายแพ้ สตีฟโทษสิ่งต่างๆที่เขาประสบมา เขากล่าวว่า "สิ่งที่คนอื่นพูด สิ่งที่คนอื่นนินทา มีผลต่อความพ่ายแพ้ครั้งนี้ คนที่ทำให้ผมแพ้ ไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขันที่ร่วมประกวดกับผม  แต่คือคนรอบข้างผมนี่เอง"
          ผิดแล้วสตีฟ! ข่าวลือทั้งหลาย คำบั่นทอนทั้งหลาย หรือความคิดในแง่ลบทั้งหลาย ไม่สามารถทำอะไรคุณได้ หากคุณไม่เป็นคนรับเข้ามาเอง    นักกีฬาที่แข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างเดียว แต่จะต้องมีจิตใจ ที่แกร่งด้วยต่างหากเล่า   แทนที่จะให้สภาวะแวดล้อม มีอิทธิพลเหนือคุณ  คุณจะต้องให้ความคิดแง่บวก มีอิทธิพลเหนือมันแทน ในเรื่องของสตีฟนี้ สภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายของเขา ก็คือยิมที่เขาไปออกกำลังกาย ดังนั้น ก็ต้องใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ คือใช้ยิมนี่แหละ เป็นยุทธศาสตร์ ในการไปสู่ชัยชนะ
คิดในแง่บวก
          1.ลองสร้างเพื่อน ด้วยการขอความช่วยเหลือจากเขา - ปัจจัยหนึ่ง ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ก็คือ เพื่อน ,ครอบครัว ,และสมาชิกเพาะกายคนอื่น ที่ฝึกที่เดียวกับคุณ  จงใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการขอความช่วยเหลือจากพวกเขา  เหตุผลทางจิตวิทยาก็คือ เมื่อคุณดึงพวกเขา มาเป็นส่วนร่วม สู่ความสำเร็จของคุณ พวกเขาก็จะไม่จับผิดคุณอีก อีกทั้งโดยธรรมชาติมนุษย์แล้ว มักไม่ปฏิเสธการขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด
          2.ช่วยเหลือผู้อื่น - จากงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้ยืนยันแล้วว่า บุคลิกภาพเฉพาะตัวบุคคล ที่แสดงออกถึง การเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีผลต่อทัศนคติประจำตัว ที่จะเป็นแง่บวกเสมอ มีการศึกษาฮอร์โมนพิเศษบางชนิด ที่คนเหล่านี้ จะมีมากกว่าคนทั่วไป ส่งผลให้เป็นคนอารมณ์ดีสม่ำเสมอด้วย
          สิ่งเหล่านี้ เราสร้างขึ้นได้ ไม่ว่านิสัยดั้งเดิมคุณจะเป็นอย่างไร คราวต่อไป เมื่อพบกับบุคคลอื่น และคุณมีช่องทาง ที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้ ขอให้ยื่นมือเข้าไป เพราะมันจะเป็นการเพิ่มความน่าจะเป็น ที่คุณจะได้รับความช่วยเหลือ จากพวกเขาในภายหลัง
          3.คิดแง่บวกกับคนอื่น - มันเป็นธรรมชาติที่ว่า เมื่อคุณคิดแง่ลบกับคนอื่น ก็ดูเหมือนว่า พวกเขาจะคิดแง่ลบกับคุณด้วย  และในทางกลับกัน เมื่อคิดแง่บวกกับคนอื่น พวกเขาก็มีทีท่าว่า จะคิดแง่บวกกับคุณเหมือนกัน  ลองทำดู แล้วคุณจะประหลาดใจว่า คนที่เคยจับผิดคุณ ดูเหมือนว่า เขาจะคิดกับคุณดีขึ้นอย่างมาก
          4.เอาใจใส่สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ - นักวิทยาศาสตร์ ชี้แจงให้ทราบว่า กระบวนการ ทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ให้ดี  กับกระบวนการ การต้องการทำลายคู่ต่อสู้ นั้น แยกออกจากกันโดยเด็ดขาด แม้ว่าสองวิธีนี้จะทำให้คุณได้ชัยชนะก็ตาม แต่คุณจะทำได้ดีเพียงอย่างเดียว และถ้าให้เลือก คุณควรจะเลือกแบบแรก คือทำสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง
          5.รู้จักการปฏิเสธสิ่งที่ทำให้คุณคิดไม่ดี -  การคิดไม่ดี หรือการคิดในแง่ลบ จะทำให้คุณมีความนับถือตัวเองต่ำ เป็นคนเดียวดาย ไร้ความสุข มีผลต่อสุขภาพร่างกายคุณด้วย
6.ฝึกฝนศิลปะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน - ไม่ต้องไปหาตำราอ่านที่ไหน แต่เมื่อใดก็ตาม เมื่อมีบางคน ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคุณ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม จงจดจำแบบอย่างนี้ไว้ แล้วนำไปปฏิบัติต่อคนอื่น ศิลปะนี้ หลักของมันก็คือ เป็นหน้าที่ของมนุษย์เท่านั้น ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
          7.แบ่งปันความรู้และข่าวสาร - เมื่อใดก็ตาม ที่นักกีฬา กำลังแข่งขันกับผู้อื่น ในด้านความรู้ใหม่ๆ อุปกรณ์การฝึกใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆ หรืออะไรก็ตาม ที่จะทำให้เขาไปสู่ความสำเร็จได้ ความอิจฉาจากผู้อื่น ก็จะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย  ดังนั้น ถ้าอยากจะลดดีกรีการถูกอิจฉานี้ลง คุณก็ควรจะแจกจ่าย อะไรๆที่คุณได้รับมา ให้กับคนอื่นบ้าง
          8.อย่าเป็นคนชอบคุยโอ้อวด - รู้ไว้เลยว่า คนที่ชอบสรรเสริญตัวเอง ให้คนอื่นฟังนั้น จริงๆแล้วเป็นคนที่ อ่อนแอ การศึกษาต่ำ และเชื่อถือไม่ได้ และแน่นอน มันตัวกระตุ้น ให้เกิดข่าวลือ คำวิจารณ์ที่ไม่ดี เกี่ยวกับตัวคุณเป็นอย่างดี  จริงอยู่ที่ว่า ถ้าตอนนั้นร่างกายคุณดูเยี่ยมจริงๆ  การจะถ่อมตน  อาจจะยากสักหน่อย แต่ลองฝึกหัดสักนิด แล้วคุณจะพบว่า คนอื่นเขาจะชื่นชมคุณ ด้วยใจจริง
          9.อย่าจับผิดคนอื่น - นิสัยเช่นนี้ เป็นการทำลายตัวเอง เพราะเมื่อคุณเพ่งจับผิดคนอื่น มันจะทำให้คุณสูญเสียพลังงาน เสียเวลา เสียสมาธิ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังทำลายสุขภาพใจ และสุขภาพกายด้วย โดยมีคำยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์ว่า ผู้ที่ชอบจับผิดคนอื่น มักจะเป็นคนขี้กังวล  เก็บกด และไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ความเชื่อมั่นตัวเองต่ำ สุขภาพแย่กว่าคนที่อยู่ห่าง การติฉินนินทา และชอบจับผิดผู้อื่น
          10.มองกีฬาของคุณในมุมอื่นบ้าง - อย่ามองกีฬาที่คุณกำลังฝึกอยู่นั้น ว่าเป็นเรื่องเอาเป็นเอาตาย  กีฬาคือสิ่งที่ให้ความสนุกกับคุณ ตื่นเต้น และท้าทาย มันเป็นเพียงเกมส์อย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น  คุณควรที่จะเพลิดเพลินกับมัน ไม่ใช่ให้มันมาบงการคุณ
          และในตอนนี้ คุณก็ได้เรียนรู้ทั้งหมดแล้ว ถ้าคุณรู้ว่าคุณยังมีข้อผิดพลาดตรงไหน จงแก้ไขมัน ปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นมนุษย์ ที่มีสุขภาพกาย สุขภาพใจดี มีสังคมที่ดี มีสปิริต คนที่ทำเช่นนี้ได้ จะสามารถดึงดูด ผู้ที่อยู่รอบข้าง ให้มาเป็นเพื่อนคุณ และจะทำให้คุณยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง


- end -